วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

"ประภัตร"กำชับ "มกอช."อย่าน้อยหน้า อย.เร่งรัดศึกษา"กัญชา"



"ประภัตร"กำชับ "มกอช." ต้องเป็นผู้นำมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารระดับโลก  สร้างความเชื่อมั่น อาหารปลอดภัย อย่าน้อยหน้า อย. เร่งออกมาตรฐานตัว Q ให้ได้อย่างน้อย  20 ใบอนุญาต ต่อเดือน พร้อมเร่งรัดศึกษา มาตรฐานพืชเศรษกิจใหม่ "กัญชา"  ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น  


วันที่ 9 ต.ค.2562  นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงาน วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ครบรอบ 17 ปี ว่า มกอช. เป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการตลาดนำการเกษตรตามนโยบายหลัก 12 ด้านที่รัฐบาลแถลงไว้ โดยในปี 2563 เป็นปีแห่งการยกระดับคน และการบริหารจัดการมาตรฐานสินค้าเกษตรสู่เกษตร 4.0  จะมุ่งยกระดับด้านระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สนับสนุนตลาดนำการผลิต มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ตลาดออนไลน์ DGT Farm และระบบตรวตสอบย้อนกลับ QR Trace รวมทั้งเป็นปีที่กระทรวงเกษตรฯต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ก้าวทันการแข่งขันทางการค้า  เศรษฐกิจ และกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก  ด้วยการการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรตามยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี

มกอช. เท่าที่ทราบวันนี้ มกอช. ถือเป็นหน่วยงานที่ ค่อนข้างไม่มีคนรู้จักเท่ากับ  องค์การอาหารและยา ทั้งที่ เป็นหน่วยงานที่ ดู แลเรื่องอาหาร ปลอดภัยทั้งหมด  โดยเฉพาะอาหาร ที่มาจากสินค้าเกษตรฯ ที่เป็นสินค้าเกษตรปลอดภัย  ซึ่งจากนี้ไป เจ้าหน้าที่ของ มกอช. จะต้องสร้างความตระหนัก และ สร้างความภูมิใจในองค์กรณ์​ของตนเองให้มีความสำคัญมากขึ้น โดยต้องทำความเข้าใจให้กับเกษตรกร และประชาชน ได้ตะหนักถึงมาตรฐานสินค้าเกษตรฯ ที่มีสัญลักษณ์​ตัวQ  ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยต้องตัวเป็นผู้นำให้ ประชาชน รู้และเข้าใจว่า สินค้าที่ มีการจำหน่ายในท้องตลาด ที่มีสัญลักษณ์ตัวQ คือสินค้าที่ปลอดภัย  

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นหน่วยงานเล็กแต่มีความสำคัญและมีผลงานที่โดดเด่น จึงต้องพัฒนาให้เป็นหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ปัจจุบันมีการประกาศใช้มาตรฐานสินค้าเกษตรแล้ว 322 ฉบับ ซึ่งในวันนี้ได้มอบนโยบายให้มีการเพิ่มจำนวนมาตรฐานให้มากขึ้น ตั้งเป้าทุกเดือนต้องมีมาตรฐาน Q อย่างน้อย 10-20 เรื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ แนวทางการส่งเสริมสัญลักษณ์ Q ของ "มกอช.จะต้องวางระบบออกมาตรฐานให้กับสินค้าเกษตรทุกชนิด อาทิ ปศุสัตว์ และพืช เป็นต้น เพื่อให้คนไทยได้ใช้สินค้า Q ที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล คือ กัญชาที่ส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ และปลอดภัย โดยได้มอบหมายให้ มกอช. ได้ไปศึกษาและวางแนวทางต่อไป" นายประภัตร กล่าว

“จากนี้ไป แม้ มกอช. จะดูตัวเล็กแต่เราต้องทำตัวเป็นยักเป็นผู็นำให้ชาวบ้านเค้าเห็นว่า เมื่อ เราไปตรวจสอบและออกใบรับรองให้นั้นคือ สินค้าที่มันปลอดภัยเราต้องภูมิใจ ในองค์กรของเราไม่ใช่มองว่าเราองค์กรณ์เราเล็กไม่สำคัญ เราต้องทำตัวเป็นผู้นำต้อง ประชาสัมพันธ์ให้เค้ารู้ว่าเราสำคัญอย่างไร ไม่ใช่ ทำตัว เหมือนตัวเองด้อยค่า ทั้งที่ตนเองเป็นหน่วนงานที่ดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตของคนทั้ง66ล้านคน เราควรยิ่งใหญ่ว่า กว่า อย. ด้วยซ้ำไป จากนี้ไป ในยุคสมัยผมจะทำให้ มกอช. ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ มองว่าเป็นกรมเล็ก ใครก็ ไม่อยากมา  เราต้องทำให้เค้าทราบว่าเรายิ่งใหญ่แค่ไหน สินค้าปลอดภัยต้องมาจากเราให้ใบรับรอง ต้องทำให้เด่นชัด ให้เค้าเห็น ในบรรจุภัณฑ์ ตัวQ ต้องมองเห็น  แม้กระทั่งกัญชาที่เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ซึางกำลังได้รับความนิยมตอนนี้ มกอช. ต้องไปดู ว่า จะออกมาตรฐานอย่างไร ให้เค้า ต้องมองไปข้างหน้า ด้วย  “ นายประภัตรกล่าว 

ด้านนางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการ มกอช. กล่าวถึงผลงานของ มกอช.ในรอบ 17 ปีว่า มกอช.มีบทบาทสำคัญในการเป็นหน่วยงานกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศ (National  Standardization Body: NSB) เพื่อให้มาตรฐานที่กำหนดขึ้นมีความเหมาะสม ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ปัจจุบันมีการประกาศใช้มาตรฐานสินค้าเกษตรแล้ว 322 ฉบับ แบ่งเป็น มาตรฐานสมัคร 316 เรื่อง (พืช เกษตรกรอินทรีย์ ปศุสัตว์ ประมง และอื่นๆ) และมาตรฐานบังคับ 6 เรื่อง นอกจากนี้ ด้านการส่งเสริมมาตรฐานได้มีการเชื่อมโยงการผลิต-การตลาดสินค้าQ ในตลาด 3 ประเภทแบ่งเป็น 1.ตรวจรับรองแหล่งจำหน่ายสินค้ามาตรฐานโครงการร้านอาหารวัตถุดิบปลอดภัยเลือกใช้สินค้า Q (Q restaurant) 3,200 สาขา   Q Market  893 แผง   Q  Modern Trade 697 แผง  2.ระบบ QR Trace on Cloud 1,048 ราย3.ตลาดDGTFarm.com 1,739 รายแบ่งเป็นผู้ขาย 818 รายและผู้ซื้อ921 ราย     

นอกจากนี้ยังได้ให้การรับรองสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ จำนวน 282 แห่ง  พัฒนาต้นแบบโรงสีข้าว/โรงคัดบรรจุ GMP จำนวน 5 แห่ง  และพัฒนาระบบการรับรองแบบกลุ่มสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์  20 กลุ่มใน 8 จังหวัด  ส่วนด้านการดำเนินการตามนโยบายเกษตรแปลงใหญ่นั้นได้มีการดำเนินการในพื้นที่ 19 จังหวัด โดยให้ความรู้ด้านการผลิตตามมาตรฐาน GAP จำนวน 6 เรื่อง  คือ ถั่วฝักยาว  ถั่วลิสงหลังนา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  ข้าวโพดเมล็ดแห้ง  GAP พืชอาหารและจิ้งหรีด แก่เกษตรกรรวมจำนวน 952 ราย และยังได้พัฒนาต้นแบบโรงงานแปรรูปมาตรฐาน 9 แห่ง(โรงสีข้าว 2แห่ง   โรงคัดบรรจุผักผลไม้สด 6 แห่ง  และโรงรวบรวมผักผลไม้สด 1แห่งอีกด้วย  

“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารรายใหญ่ของโลก ในปี 2561 มีมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหาร 1.12 ล้านบาท ซึ่ง มกอช. ได้มีการบูรณาการร่วมกับกรมต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ตาม พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ.2551 เพื่อควบคุม กำกับ ดูแลความปลอดภัยอาหารอย่างเบ็ดเสร็จตลอดห่วงโซ่อาหารตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ (Food chain) เพื่อให้ได้สินค้าที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยได้รับการยอมรับและมียอดส่งออกไปตลาดโลกขยายตัวเพิ่มมากขึ้น  อีกทั้งยังช่วยความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยรวมทั้งหน่วยรับรองระบบงานของ มกอช. ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้นอีกด้วย” นางสาวจูอะดี กล่าว  

นางสาวจูอะดี กล่าวเพิ่มเติมว่า มกอช.ได้เร่งขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์มาตรฐานสินค้าเกษตรในเวทีโลก  และแสวงหาความร่วมมือคู่ค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยการเข้าร่วมงาน Natural Product Expo West (NPEW) ซึ่งเป็นงานสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีโอกาสเติบโตทางการตลาดสูงที่สุด ซึ่งสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ค้าของไทยหลายราย  รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับสำนักงานด่านการค้าของมลรัฐลอสแองเจลิส (LA Port) ที่เป็นท่าเทียบสินค้าใหญ่ที่สุดของทั้งฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ และของภูมิภาคอเมริกาซึ่ง LA Port ให้ความสนใจและเตรียมพัฒนาความร่วมมือด้านการค้า-มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชกับท่าเรือของไทย โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมและระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ที่ผู้ประกอบการของไทยในปัจจุบันใช้เป็นท่าส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อินโดฯคลอดกองทุนดานาปารมิตา ธนาคารพุทธไทยยังอยู่ในฝัน

รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์: การวิเคราะห์เปรียบเทียบเชิงลึกระหว่างนโยบาย "ดานาปารมิตา" แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และข้อเสนอ "ธนา...