วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

"ประมนต์"เสนอรัฐบาลตั้ง กก.ตรวจสอบอิสระใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านป้องกันทุจริต



เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ข้อเสนอเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลในการใช้เงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการกู้เงิน1 ล้านล้านบาทว่า เห็นด้วยกับการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019  พ.ศ. 2563       ซึ่งการใช้เงินตาม พ.ร.ก.นี้ จำเป็นต้องรวดเร็ว - ทันการณ์ จึงจะเกิดประโยชน์คุ้มค่า อาจต้องยกเว้นกฎระเบียบสำคัญบางประการ แต่หากทำโดยไม่รัดกุม ไม่เปิดเผยอย่างโปร่งใส จนตรวจสอบไม่ได้ทั่วถึง ก็อาจเป็นช่องว่างที่ทำให้การทุจริตเกิดขึ้นง่ายและรุนแรง  

นายประมนต์ ระบุด้วยว่า  การใช้เงิน 4 แสนล้านจากเงินกู้ 1 ล้านล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เป็นส่วนที่ น่ากังวลที่สุด  เพราะอาจมีการนำไปใช้ทำโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่า หรือเกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย หรือคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างได้  จึงอยากให้ยึดโมเดลแบบ โครงการเงินกู้ยืมจากรัฐบาลญี่ปุ่น มิยาซาวาแพลน ปี 2542 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ โครงการไทยเข้มแข็ง ปี 2552  ที่มีหลักเกณฑ์การใช้เงินชัดเจน และยังสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดทำเว็บไซต์เฉพาะกิจให้สาธารณชนสามารถเข้าไปศึกษาติดตามได้อย่างอิสระ  และให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ คณะกรรมกำกับดูแลการจัดการและเบิกจ่ายเงิน ที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน เป็นคณะกรรมการกลั่นกรองและอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้    มีผู้แทนจากภาคประชาชนและนักวิชาการที่สังคมยอมรับ โดยกำหนดให้ทุกพื้นที่ ทุกโครงการ ดำเนินการภายใต้กติกาเดียวกันอย่างเคร่งครัด 

"มีระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่แข็งแกร่ง ด้วยการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดทำ "เว็บไซต์เฉพาะกิจ" รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตาม พ.ร.ก. กู้เงินฯ นี้  เปิดให้ประชาชนและสื่อมวลชนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้อย่างอิสระ สามารถใช้งานเพื่อการสืบค้นข้อมูลได้ง่าย"  นายประมนต์ กล่าว 

นายประมนต์ ยังเสนอให้มี "คณะกรรมการตรวจสอบอิสระ"  ที่ชำนาญและน่าเชื่อถือตรวจสอบการดำเนินงาน ภายใต้การสนับสนุนของ สตง. หากผู้ใดทุจริต จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง และรวดเร็วทุกกรณี โดยให้นำมติครม. เมื่อ 27 มีนาคม 2561 เรื่อง "มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ"  มาบังคับใช้อย่างเข้มงวด และให้มีการรายงานข้อมูลโครงการ แผนการดำเนินงาน งบประมาณการจัดซื้อจัดจ้าง  หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน ให้ปรับปรุงข้อมูลให้ทันการณ์ โดยเปิดเผยบนเว็บไซต์เฉพาะกิจ     

"ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเปิดเผย โปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้  มีมาตรการถ่วงดุลและระบบตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ และเป็นอิสระ  ลงโทษการคอร์รัปชันอย่างรวดเร็ว ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากจะได้รับความเชื่อถือจากประชาชนแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะถูกยกระดับการประเมิน CPI เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกทุกฝ่ายและนานาชาติเฝ้าจับตามอง"  นายประมนต์ กล่าวปิดท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จะปฏิวัติหรือปฏิรูปการศึกษาไทยยุคเอไอ

การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (AI)...