วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
"น้องเก๋า ดงกล้วย" เน็ตไอดอลตัวน้อยยุคโควิด ดัน #เรียนออนไลน์ กระฉูด คลายเครียดครูผู้ปกครอง
วันที่ 18 พ.ค.นี้แล้ว จะเริ่มการเรียนการสอนของการศึกษาไทยผ่านทางออนไลน์ เพราะคนไทยยังต้องอยู่ในสภาพลี้ภัยโควิด-19 แม้ว่าจะมีการคลายล็อคระยะ 2 เปิดห้างและสนามกีฬาได้บ้าง
แต่จากการกำหนดจะมีการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์นั้น ทำผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ สถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียนเอง เครียดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ทั่วถึง และเตรียมตัวรองรับอย่างไร
ท่ามกลางสภาวะเครียดนั้น ได้เกิดเน็ตไอดอลตัวน้อยยุคโควิด-19 นาม "น้องเก๋า ดงกล้วย" ที่เกิดจากเผยแพร่คลิปทางเฟซบุ๊กของครูโรงเรียนบ้านหนองคาง ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ที่ใช้เฟซบุ๊กนาม TLe Rutchanon" ที่ทำหน้าที่สำรวจความพร้อมของนักเรียนและผู้ปกครองว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด โดยได้โทรศัพท์ไปถามผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ชื่อเล่นว่า "เก๋า" แต่ปรากฏว่าน้องเก๋าเป็นคนรับแทน ครูก็ได้ถามน้องเก๋าว่าที่บ้านมีอินเตอร์เน็ต มีโทรทัศน์หรือไม่ แต่เพราะความเดียงสาของเด็กเล็กที่เข้าใจว่าที่บ้านอยู่ในบรรยากาศที่มีดงกล้วย จึงได้ตอบคำถามครูไปว่า "มีแต่ดงกล้วย"
ทันทีที่ครูได้เผยแพร่คลิปดังกล่าวนั้นออกไป ทำให้มีผู้แสดงความคิดเป็นเป็นจำนวนมาก เพราะความไร้เดียงสาของน้องเก๋า แล้วเกิดการแชร์เป็นไวรัล เกิดวลีฮิตคือ "น้องเก๋า ดงกล้วย" ทำให้น้องเก๋าดังกล่าวเป็นเน็ตไอดอลภายในข้ามคืน สื่อกระแสหลักต่างๆ โดยเฉพาะสื่อทีวีได้ปิดท้ายข่าวและสกู๊ปข่าวของ "น้องเก๋า ดงกล้วย" และทำให้แทค #เรียนออนไลน์ ติดอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์
อยางไรก็ตามเสียงสะท้อนจากผู้ปกครองที่ใช้เฟซบุ๊กนาม รสนิสา บุญสุข โพสต์ภาพพร้อมข้อความที่น่าสนใจ ถึงมาตรการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนศึกษาผ่านทางทีวีออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันโพสต์ดังกล่าวมีชาวเน็ตเข้ามาแชร์ออกไปมากกว่า 1 แสนครั้งแล้ว
ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความระบุว่า… เรียน ท่าน ผอ. ทุกโรงเรียน ( ช่วยยื่นเรื่อง ความเดือดร้อนของผู้ปกครองแก่ #กระทรวงศึกษาธิการ แทนผู้ปกครองด้วยคะ )
ดิฉัน ในฐานะผู้ปกครองของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง มีความประสงค์ อยากให้ท่าน ผอ.ทุกโรงเรียน และ กระทรวงศึกษาธิการช่วยทบทวนเรื่องการสอน การเรียนออนไลน์ ใหม่ เนื่องจากดิฉันมองเห็นถึงความลำบากของพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ ท่านด้วยกัน ท่านเหล่านั้นได้มานั่งระบายปลดทุกข์ให้ดิฉันฟังหลากหลายเหตุผลที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา จึงขอยกตัวอย่าง ดังนี้
ข้อ 1.) การที่จะมีการเรียนออนไลน์ได้นั้น เด็กนักเรียนจะต้องมีคอมพิวเตอร์ มีอินเตอร์เน็ต ซึ่ง ข้อนี้ ถือว่าสำคัญมาก หากไม่มีก็ไม่สามารถเรียนได้ นั้นหมายถึง บ้านไหนไม่มี 2 สิ่งนี้ ก็ต้องไปซื้อ เพื่อให้ลูกได้เรียน ซึ่งคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ 10-20 บาท นะคะ เครื่องนึงเหยียบหมื่นบาท แต่ในทางกลับกัน ผู้ปกครองในเวลานี้ การงานแย่ ทำมาหากินตอนนี้ก็ลำบาก แล้วจะหาเงินจากที่ไหนมา ลำพังจะหามาซื้อข้าวกินในแต่ละวันยังลำบากเลย แล้วถ้าบ้านไหน มีลูก 2-3 คน ไม่ต้องซื้อ 2-3 เครื่องเลยเหรอคะ เพราะต้องเรียนออนไลน์เหมือนกันและเป็นเวลาเดียวกัน พ่อแม่บางคนไม่อยากให้ลูกต้องด้อยกว่าคนอื่นๆ ยอมไปกู้หนี้ยืมสิน ร้อยละ 20 ก็ยอม เพื่อเอามาซื้อคอมพิวเตอร์ให้ลูกหลาน เพื่อลูกหลานจะได้เรียนเหมือนคนอื่นๆ ลำพังหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน ต่างๆ ในเเต่ละเทอมก็แย่กันอยู่แล้ว นี้ยังต้องหาเงินมาผ่อนคอมพิวเตอร์ อีก แบบนี้ดีแล้วเหรอคะ สรุป แผนการณ์นี้ ใครได้ประโยชน์มากที่สุดคะ นักเรียนหรือผู้ปกครอง คำตอบ คือ ร้านขายคอมพิวเตอร์ กับ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตจ้า รวย ซึ่งรวยมากอยู่แล้ว และรวยขึ้นไปอีก
อีกแค่เดือนเดียว โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว แต่ก็ยังต้องมาซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เรียนออนไลน์แค่ระยะ 1 เดือน เนี่ยนะคะ รบกวนทบทวนหน่อยค่ะ
ข้อ 2.) การเรียนออนไลน์ หากไม่มีผู้ใหญ่คอยนั่งอยู่ใกล้ๆ คุณคิดว่า เด็กๆ จะไม่เปิดไปหน้าอื่นบ้างเหรอคะ เช่น youtube , เกมส์ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณคิดว่าเด็กๆ จะตั้งใจเรียนกันทุกคนเหรอค่ะ แล้วถ้าให้ผู้ปกครองคอยนั่งเฝ้าตลอดการเรียน แล้วผู้ปกครองจะเอาเวลาไหนไปทำงานหาเงินผ่อนคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งซื้อมาคะ คุณว่ามั้ย
ข้อ 3.) ในเด็กเล็ก เช่น อนุบาล1-3 สมควรแล้วเหรอค่ะ ที่จะให้เด็กนั่งเรียนตรงหน้าจอนานๆ มีแต่ส่งผลเสียทั้งทางด้านสายตา สมาธิ ที่เด็กเล็ก ยังมีไม่มากพอ ที่จะอดทนนั่งฟังจนจบ
ข้อ 4.) ผู้ปกครอง จ่ายเงินค่าเทอม แต่ต้องมานั่งสอนลูกตัวเองทั้งหมด ประเด็นคือ แล้วผู้ปกครองจะจ่ายค่าเทอมให้ทางโรงเรียนทำไมคะ หากต้องมานั่งสอนลูกแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะสอนลูกเอง หรือเลี้ยงลูกเองไม่ได้ แต่เราจ่ายค่าเทอมให้โรงเรียนไปแล้วค่ะ เรียนออนไลน์ค่าเทอมก็ไม่ได้ปรับลดลงแม้แต่น้อย ยังคงจ่ายค่าเทอมเท่าเดิม
แล้วถ้ามีลูกหลายคนผู้ปกครองจะสอนทันมั้ยค่ะ ขณะที่กำลังเรียนออนไลน์พร้อมกัน (ข้อนี้หมายถึงเด็กเล็กค่ะ ที่ต้องคอยสอนกำกับตามหลังที่คุณครูสอน เพราะดิฉันมีลูกเล็ก เลยคิดว่าคงสอนคนเดียวไม่ทัน หากลูกเรียนพร้อมกัน)
ข้อ 5.) ถ้าบ้านไหน ไม่ได้ให้ลูกเรียนออนไลน์ ด้วยเหตุผลจำเป็นของพวกเค้า คุณคิดว่า เด็กๆ จะอายเพื่อนมั้ย เมื่ออาย ผลต่อมาคือ เด็กไม่อยากไปโรงเรียนในวันข้างหน้า เก็บกด ต่างๆ นาๆ แล้วเด็กๆ ก็จะรบเล้าให้พ่อแม่ ซื้อคอมพิวเตอร์ให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กๆ ทุกคนพึงปราถนาอยู่แล้ว ที่จะเอามาเรียน จะเอามาเล่นเกมส์ จะเอามาดูหนัง คุณคิดว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่จะเอามาทำอะไรมากกว่ากัน เมื่อเด็กๆ ได้คอมพิวเตอร์มา เด็กก็คือเด็กนั้นแหละค่ะ คงแยกแยะ เรื่องที่ควรทำ หรือ ไม่ควรทำ ได้ไม่มากพอ (พูดง่ายๆ ว่า ผู้ปกครองบางท่านโดนบุตรหลานหลอกให้ซื้อคอมพิวเตอร์ให้ โดยเอาเรื่องเรียนออนไลน์ในครั้งนี้มาอ้าง) ในขณะที่พ่อแม่ไม่พร้อมทางด้านการเงินช่วงเศรษฐกิจแบบนี้เลย ก็ต้องหาวิธีต่างๆ นาๆ เพื่อไปซื้อมาให้ลูกให้ได้ ส่งผลกระทบตามมาเยอะแยะมากมาย ทั้งตัวเด็กนักเรียนและผู้ปกครองเอง
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ดิฉัน ขอให้ท่าน ผอ. ทุกโรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาเรื่องนี้ด้วยค่ะ เพราะดิฉันคิดว่า มันส่งผลกระทบต่อผู้ปกครองหลายด้าน และที่กล่าวมานี้เป็นแค่บางส่วนที่ยกตัวอย่างให้เข้าใจ ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ส่งผลกระทบ ว่าผู้ปกครองต้องรับศึกหนักแค่ไหนกับนโยบายการเรียนการสอนออนไลน์ที่พวกท่านได้จัดทำขึ้น ณ ตอนนี้
ด้วยความปรารถนาดี
รสนิสา บุญสุข
(ผู้ปกครองนักเรียน)
ขอความกรุณา #รบกวนอ่านให้จบทุกบรรทัด
ก่อนเเสดงความคิดเห็นนะคะ
จะได้เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการที่จะสื่ออะไรถึงใคร
ปล.หากผู้ปกครองท่านใดอ่านจบ และเห็นด้วย โปรดช่วยแชร์ ด้วยนะคะ เผื่อ ผอ. บางโรงเรียน และคณะกระทรวงศึกษาธิการ บางท่าน ได้อ่าน และเข้าใจถึงผลกระทบ ตรงนี้ #เพื่อจะได้ช่วยส่งเรื่องให้กระทรวงศึกษาธิการได้ทราบถึงผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันนี้
ดิฉันเป็นแค่ประชาชนตัวน้อยๆ คงไปไม่ถึงกระทรวงศึกษาธิการ ฝากท่าน ผอ. นำเรียน กระทรวงศึกษาธิการด้วยนะคะ
(ข้อมูลที่บรรยายทั้งหมดนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมือง และเกิดขึ้นจริงกับโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง เพราะโรงเรียนเอกชน มีหลักสูตรการสอนแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน จึงได้มีการสอนผ่านระบบ zoom ไม่สามารถดูการสอนผ่านดาวเทียมได้ หากอยากทราบว่าจริงหรือเปล่าที่กล่าวไป ให้เดินดูตามร้านขายคอมพิวเตอร์ได้เลยค่ะ คนเยอะมากค่ะ )
Cr.ภาพจากไทยรัฐทีวี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
"ชูศักดิ์-นิยม" บินจีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ววัดหลิงกวง ประดิษฐานท้องสนามหลวง เฉลิมพระเกียรติฯและฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลจีนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง มาประดิษฐาน ณ มณฑลพ...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น