วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เห็นเขาเล่าก็อยากจะเล่าบ้าง! ดร.มหาสำราญ สมพงษ์ ชีวิตเด็กบ้านนอกที่หลวงปู่เก็บมาเลี้ยง ชำระหนี้พระพุทธศาสนาแล้ว



ปี 2521 ผมเป็นเณรน้อยที่หลวงพ่อให้บวชเรียน หลังจากเรียนจบป.4 แล้ว แม้ว่าช่วงนั้นมีการขยายการศึุกษาระดับประถมศึกษาจากป.7 เป็นป. 6  แต่เพราะเข้าใจว่าตอนที่เรียนอยู่ ป.3-4 นั้นได้อาศัยอยู่กับลุงและป้า จึงให้ไม่ได้เรียนต่อ โดยบวชเป็นสามเณรที่วัดศรีพรหมประสิทธิ์ (หนองจิก) ต.ท้ายทุ่ง อ.ตะพานหิน(เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นอ.ทับคร้อ) จ.พิจิตร 

ความจริงแล้วที่วัดศรีพรหมประสิทธิ์ผมเคยเป็นเด็กวัดมาก่อนในปี 2517 เพราะหลวงปู่เก็บผมมาเลี้ยง เนื่องจากตอนนั้นอาศัยอยู่กับอาที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เรียนหนังสือป.1 ในเดือนพฤจิกายน 

พอเสร็จภาคเรียนการศึกษาครูใหญ่ชื่อนายสมควรเห็นว่าเป็นเด็กเรียนดีอ่านหนังสือออกก็ให้ขึ้นชั้น ป. 2 บวกกับยังเรียนอยู่ที่วัด เพราะตอนนั้นเป็นเด็กวัดก็มีหนังสือเป็นเพื่อน หนังสือที่อ่านหลายรอบคือเรื่องนกกางเขนเป็นร้อยกลองกลอนแปด พอขึ้น ป.2 ก็บวก ลบ เลขได้เข้าใจ พอวันหยุดไม่มีอะไรทำรื้อโต๊ะครูหาหนังสืออ่านนิทานจักรวงศ์เช่นจันทโครพ พระอภัยมณี สังข์ทองอ่านหมด พอขึ้น ป.3 หลวงพ่อซึ่งหลวงปู่วิงวอนให้บวชในปี 2518 ไปจำวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ที่เป็นวัดบ้านที่ลุงอาศัยอยู่ แต่หลวงพ่ออยู่ได้ไม่นานกลับไปจำวัดเดิม ผมและน้องจึงได้อาศัยอยู่ที่บ้านลุงและป้าเรียนจนจบป.4 หลวงพ่อจึงมารับไปบวชเณรพร้อมกับลูกลุงที่วัดศรีพรหมประสิทธิ์ในปี 2520 

เมื่อบวชเณรแล้วก็เรียนนักธรรมตรีโดยมีหลวงพ่อเป็นผู้สอบท่องอย่างเดียวนิสัย 4 อกรณียกิจ 4 ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตเรียกนิสัยมี 4 อย่างคือ....แล้วก็ไปสอบที่สำนักเรียนวัดทับคล้อสอบได้และปีต่อมาก็สอบนักธรรมโทได้ หลวงปู่เห็นว่าตั้งใจเรียนและต้องการที่จะให้เรียนภาษาบาลีควบคู่ไปด้วย ความจริงแล้วสำนักเรียนวัดทับคล้อก็มีสอนภาษาบาลี หรือสำนักเรียนคลองโพธิ์ตอนนั้นดังมาก แต่หลวงปู่เลือกให้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯที่วัดเทวราชกุญชรในปี 2523 คราวนั้นมีพระอริยมุณี(ศรี ฐิตพโล) เป็นเจ้าอาวาส ด้วยเงินติดย่ามเพียง 200 บาท โดยฝากอยู่กับพระมหาฤหัส พรหมรัตน์ หลวงลุงซึ่งเป็นพระบ้านเดิมอยู่บ้านเดียวกับหลวงปู่และหลวงพ่อ ประกอบกับมีญาติลูกลุงคนจังหวัดศรีสะเกษเป็นลูกศิษย์กุฎิอาศัยเรียนหนังสืออยู่ด้วย คราวนั้นจำความได้หลวงปู่ได้มาด้วยกับลุงป้องซึ่งนามสกุล พรหมรัตน์ 

ตอนแรกหลวงลุงยังไม่ตกลงว่าจะรับให้อยู่ที่วัดนี้หรือไม่ แต่หลวงปู่และลุงป้องกับกลับไปแล้ว เอาละสิชีวิตตอนนั้นก็เคว้งๆอยู่ เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าอย่างไรญาติทั้งกูฏิก็คงจะหาทางออกให้ เราก็มีหน้าที่เรียนหนังสืออย่างเดียวในชั้นนักธรรมเอก และเรียนภาษาบาลี ป.ธ.1-2  แต่เป็นเพราะตอนนั้นหลวงลุงจัดผ้าป่าไปทอดที่วัดบ้านแกงเลี้ยวบ้านเกิด อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ บ่อย  เพราะกำลังสร้างโบสถ์ นอกจากดูหนังสือเรียนแล้วก็ต้องปรนบัติหลวงลุงต้มน้ำร้อนน้ำชาทำความสะอาดกุฏิเนื่องจากหลวงลุงเป็นพระโหราจารย์มีญาติโยมดูดวงวันหนึ่งๆก็หลายคน น้ำชาน้ำเย็นนี้ขาดไม่ได้ แต่คงเป็นเพราะสาเหตุที่หลวงลุงต้องเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษบ่อยและเห็นพฤติกรรมของเราก็เลยรับให้อยู่ที่กุฎิที่วัดเทวราชกุญชร

การที่จะอยู่ที่วัดเทวราชกุญชรได้ก็ต้องผ่านด่านคือท่องบทสวดมนต์  12 ตำนานได้โดยมีหลวงปู่ศรีเป็นผู้สอบ หากเป็นพระไม่ได้บวชที่วัดนี้ก็ต้องท่องปาฏิโมกข์ได้ ในที่สุดก็สอบผ่านมีสิทธิ์อยู่วัดนี้ได้ สมัยนั้นทุกวันโกนหลวงปู่ศรีจะฝึกสามเณรด้วยการผลัดกันขึ้นธรรมมาสน์อ่านบทคติเตือนใจแล้วก็อบรมเป็นประจำทำให้มีฐานคิดจนถึงปัจจุบัน และสมัยนั้นก็มีลูกศิษย์กุฏิอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะว่าเด็กบ้านนอกส่วนใหญ่จะอาศัยวัดเป็นที่พักในการเรียนหนังสือ

ในปี 2523 ผลสอบได้นักธรรมเอกและภาษาบาลี ป.ธ.1-2 ได้แต่กว่าจะได้ก็ต้องไปอบรมที่วัดไร่ขิง จ.นครปฐม ปีต่อมาเรียนภาษาบาลี ป.ธ.3 อย่างเดียวมันน้อยไปจึงดูหนังสือสอบเทียม ป.6 ที่สำนักเรียนวัดราชบพิตร ปรากฏว่าสอบได้พร้อมๆ กับ ป.ธ.3 ได้ ทีนี้สนุกกับการเรียนใหญ่เลยเรียนป.ธ.4 ที่วัดสมัยนั้นวัดเทวราชกุญชรขึ้นกับสำนักเรียนวัดเบญจมบพิจิตร ภาคบ่ายก็ไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่ชั้น ม.1-3 ที่วัดอินทรวิหาร บางลำพู ตอนเรียนรู้ได้ทันทีว่าการศึกษาที่ไม่ดำเนินไปตามขั้นตอนยากที่จะเข้าใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาคณิตศาสตร์สัมการนี้พอไหว ตรีโกรนมิติจบเลยแต่ก็จบ ม.3 พร้อมๆกับ ป.ธ. 4 เพราะสอบตกป.ธ.4 หนึ่งปี จึงไปเรียนป.ธ.5 ที่วัดชนะสงคราม เสร็จแล้วก็ไปเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนบาลีเตรียม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ด้วย 

ไม่พอไปสอบเทียบม.ศ.5 ที่โรงเรียนชิโนรสวิทยาลัยด้วย ปีแรกไม่ผ่านพร้อมๆกับป.ธ. 5 ปรากฏว่าตอนนั้นมีการเปลี่ยนการสอบเทียบ ม.ศ.5 มาเป็น ม.6 ที่มีการเก็บวิชาครั้งแรกได้ 7 วิชา ส่วนใหญ่ได้เกรด 1 ตกภาษาไทย จึงต้องเรียนซ้ำและสอบได้ในปีต่อมาพร้อมกับป.ธ. 5 สาเหตุที่ต้องสอบเทียบด้วยก็เพราะเป้าหมายตอนนั้นมุ่งที่จะเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมีหลักคิดก็คือว่า 4 ปีเรียนบาลีไม่แน่นอนว่าจะสอบ ป.ธ.9 ได้หรือไม่หากเรียนมหาจุฬาฯจบป.ตรีแน่นอน ประกอบกับตอนนั้นเรียนป.ธ.6 ที่วัดชนะสงครามช่วงที่สอบเทียบม.6 ที่มีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติสมัยนั้นอยู่วัดชนะสงครามเป็นผู้สอบ ปรากฏว่าสอบตกทั้งสองครั้ง แต่เมื่อสอบเทียบม.6ได้จึงสอบเข้ามหาจุฬาฯได้ในปี 2529 จึงเลิกเรียนบาลีป.ธ.6 ต่อ โดยมุ่งเรียนมหาจุฬาฯบวกกับวิชาต่างๆแถวถนนท่าพระอาทิตย์เก็บหมด

ปี 2534 เรียนจบป.ตรี เอกปรัชญา พธ.บ.รุ่น 36 รับปริญญาแล้วก็เรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาจุฬาฯสมัยนั้นพระพรหมบัณฑิตเป็นคณบดี พร้อมกันนี้ก็เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศิลปากรด้วย ปรากฏว่าไม่ผ่านทั้งสองแห่ง เนื่องจากได้ลาสิกขาบทในปี 2535 และเข้าทำงานเป็นนักข่าวที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจในปี 2536 เปลี่ยนพื้นที่ทำงานภายในเครือเนชั่นหลายที่ ประจำตามสถานที่แหล่งข่าวหลายแหล่งทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข ไปช่วยที่ทำเนียบรัฐบาลบ้างแล้วก็ประจำที่รัฐสภา แล้วเข้าไปประจำเป็นรีไรท์ข้างในแต่ยังคงตำแหน่งนักข่าวเหมือนเดิมท้ายสุดจำที่เว็บไซต์คมชัดลึกก่อนที่จะเออรี่ออกมาในปี 2559 เพราะมองสถานการณ์สื่อช่วงนั้นไม่ค่อยดี บวกกับในปี 2556 เรียนระดับปริญญาตรี สาขาสันติศึกษา ที่มหาจุฬาฯจนจบ ทำให้มั่นใจที่จะเปลี่ยนแปลง

ปี 2560 เพื่อนอ๋อยชวนมาทำที่เว็บไซต์บ้านเมืองออนไลน์ และเรียนระดับปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาจุฬาฯ ด้วยจนมาจบในปี 2563 ใช้เวลา 4 ปีผ่านมรสุมชีวิต ข่าวเงินทอนวัด และการเลือกตั้งด้วยฐานคิดเรามีหน้าที่ต้องช่วยพระ และคิดว่าเรามุ่งที่จะเรียนให้จบโดยไม่มองข้างทางว่ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วเราจะมีเรื่องเล่าอะไรให้ลูกหลาฟัง 

จากการทำงานที่เว็บไซต์คมชัดลึกและเว็บไซต์บ้านเมืองออนไซต์ได้ใช้เป็นพื้นที่กรณีศึกษาประกอบในการทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ถ้าถามว่า ดร.มหาสำราญ สมพงษ์ ชำระหนี้พระพุทธศาสนาหรือยัง วิทยานิพนธ์และดุษฎีนิพนธ์ทั้งสองเล่มนี้เป็นคำตอบว่้าดร.มหาสำราญ สมพงษ์ ชำระหนี้พระพุทธศาสนาแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่สื่อได้พยายามที่จะแทนคุณมหาจุฬาฯและพระพุทธศาสนามาตลอดและจนถึงปัจจุบัน

ดร.มหาสำราญ สมพงษ์ จากเด็กบ้านนอกหลวงปู่กับมาเลี้ยงจนสามารถพัฒนาตัวเอง การศึกษาจบ ดร. ฐานะแม้นมีเงินน้อยก็เคยหยิบเงินล้าน มีบ้าน มีครอบครัว มีลูกจบปริญญาตรีทั้งสองคน ตั้งอยู่บนฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ดีในระดับหนึ่งช่วยเหลือสังคมได้บ้าง คิดว่าชีวิตดร.มหาสำราญ สมพงษ์ ได้แทนคุณพระพุทธศาสนาและแผ่นดินแล้วและก็คงแทนคุณต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่   

          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ณพลเดช" ปิ๊งไอเดีย! เชียงรายศูนย์กลางการเงินโลก-โมเดลสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย หลังออกกฎหมาย เขต ศก.พิเศษ

วันที่ 19 เมษายน 2567     เวลา 11.00 น. ที่ประเทศลาว  ดร.ณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำส...