วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ไม่ใช่อวตาร! "ช่อ" ยันมีตัวตน 15 รายชื่อบริจาค "เมย์เดย์-เมย์เดย์ เราช่วยกัน"



"พรรณิการ์"ยืนยันเงินบริจาค"เมย์เดย์-เมย์เดย์ เราช่วยกัน" 15 รายชื่อมีตัวตน ไม่ใช่อวตาร พร้อมโชว์หลักฐานในชั้นศาล ลั่นเกมส์การเมืองราคาต่ำไม่ลงทุน จวกเห็นใจ "หมอวรงค์" เป็น ส.ส.สอบตก ต้องการมีที่ยืนทางการเมือง   

วันที่ 7 ก.ค.2563 นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ชี้แจงกรณีเงินบริจาคจากโครงการ เมย์เดย์-เมย์เดย์ เราช่วยกัน 7,751,783 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้าว่า เงินบริจาค มีหลักฐานการโอนเงินกว่า 2,431 คน รวมทั้ง 15 รายชื่อที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวหาว่าเป็นอวตาร โดยได้มีการชี้แจงผ่านเพจคณะก้าวหน้า และจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายแพทย์วรงค์ และนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมองว่า การออกมากล่าวหาเป็นเรื่องเกมส์การเมืองที่ไม่ลงทุน และหวังดิสเครดิตทางการเมือง 

ขณะเดียวกัน รู้สึกเห็นใจนายแพทย์วรงค์ เพราะสอบตกแพ้พรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง และต้องการมีที่ยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่นายแพทย์วรงค์เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหากชนะก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นบทบาทของนายแพทย์วรงค์ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า การยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้งสองคน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องนายแพทย์วรงค์ต่อไป ส่วนค่าเสียหาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะพิจารณา

ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหาต้องออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น นางสาวพรรณิการ์ เห็นว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหากนายแพทย์วรงค์อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล 



นอกจากนี้ นางสาวพรรณิการ์ยังได้เข้าสังเกตการณ์เวทีเสวนา "การเคลื่อนตัวของเกลียวคลื่นกลางกรุงกับลูกสาวแห่งทเเลจะนะ" ซึ่งเป็นเวทีสะท้อนเสียงของภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถานำก่อนเปิดเวทีเสวนาด้วย

นางสาวพรรณิการ์ระบุว่า นิคมอุตสาหกรรมจะนะ เป็นโครงการที่ศอ.บต. ผลักดันอย่างแข็งขันให้เกิดขึ้น โดยเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์สร้างสันติภาพในขายแดนใต้ ศอ.บต. อ้างว่าจะพัฒนาพื้นที่ สร้างงาน 100,000 ตำแหน่ง แต่จอถามหน่อยว่า คนในพื้นที่ที่ 70% เป็นแรงงานภาคเกษตรเป็นคนกรีดยาง เขาจะมีความรู้ในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างไร อีก 20% เป็นชาวประมง ที่มีรายได้จากการหาปลาวันละ 3,000-5,000 บาท เขาจะต้องมาเป็นแรงงานรายวัน รับค่าแรง 400 บาทหรือ 

ที่สำคัญกว่านั้น การที่ศอ.บต. ทำงานโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนักให้คนในพื้นที่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ยังกลายเป็นสาเหตุของความขัดแย้งแตกแยกในพื้นที่ แบบนี้คือการ "แบ่งแยกแล้วปกครอง"  แทนที่จะสร้างสันติภาพและความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้จริง

นางสาวพรรณิการ์ทิ้งท้ายว่า หากจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ อย่างน้อยต้องไม่ให้ศอ.บต. เป็นเจ้าภาพ เพราะเป็นองค์กรที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จจากโครงสร้างการบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ ควรให้หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและคัดค้านโครงการได้อย่างอิสระกว่านี้ ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจเบ็ดเสร็จของศอ.บต.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...