วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563

"สกสว." ใฝ่ธรรม! นิมนต์ "พระมหาสมปอง" ร่วมบรรยาย

 

"สกสว." ใฝ่ธรรม! นิมนต์ "พระมหาสมปอง" ร่วมบรรยาย ขณะที่ กมธ.งบฯ หนุนกองทุนวิจัยฯ ปี 64 กว่า 19,000 ล้าน

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยภารกิจพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคลจัดการบรรยายพิเศษ"ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ของบุคลากร" โดยนิมนต์พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ร่วมบรรยายธรรมเสริมคุณธรรม จริยธรรมบุคลากร  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพัฒนาบุคลากร สกสว. ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปส่วนพัฒนาบุคลากรไปแล้ว 2 โครงการคือ 1.โครงการรณรงค์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ 2.โครงการส่งเสริมธรรมาภิบาล 


โอกาสนี้ รศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์ รักษาการรองอำนวยการฯ สกสว. ประธานในพิธี กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่บุคลากร สกสว. ได้เรียนรู้ "ธรรมะ หรรษา"  ซึ่งเป็นการเรียนรู้ธรรมะและฝึกจิตใจชาว สกสว. สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานผ่านการบรรยายที่เข้าใจง่าย โดยบรรยากาศตลอดการบรรยายในวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานสอดแทรกสาระธรรมะไว้มากมาย


กมธ.งบฯ หนุนกองทุนวิจัยฯ ปี 64 กว่า 19,000 ล้านบาท


รศ.ปัทมาวดี โพชนุกูล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าประชุมชี้แจงงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2564 ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สภาผู้แทนราษฎร ว่า ปีนี้มีมติอนุมัติงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ราว 19,000 ล้านบาท

          

โดยมีแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 2563-2565 ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และผ่าน ครม. แต่ทั้งนี้ได้มีการปรับปรุงใหม่ให้สอดรับกับสถานการณ์ เป็นกรอบในการทำงานโดยเฉพาะจากวิกฤติโควิดที่ผ่านมา ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการด้วยการลงทุนด้าน ววน. ในสาขาสำคัญ ได้แก่ เกษตรและอาหาร การแพทย์และสุขภาพ ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพสูงและยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้อีกมาก

          

ดังนั้น งบประมาณกว่า 66% จะเป็นการต่อยอดงานเดิม และ 34% เป็นโครงการใหม่ มีหน่วยรับงบประมาณมากกว่า 160 หน่วยงาน ประกอบด้วย สถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานในกระทรวง อว. หน่วยงานนอกกระทรวง อว.และรัฐวิสาหกิจ โดยแบ่งการใช้งบประมาณได้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก ประมาณ 1 ใน 3 ใช้ในการลงทุนด้าน ววน. เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้โอกาสของวิถีใหม่ (นิวนอร์มอล) ได้แก่ โครงการเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน (บีซีจี) เพื่อเตรียมการอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การพัฒนาพลังงานชีวภาพ ยานยนต์สมัยใหม่ เกษตรสมัยใหม่และเกษตรแม่นยำ การพัฒนาระบบการแพทย์ที่แม่นยำในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เช่น โรคมะเร็ง

          

โครงการใหม่และจุดเน้นในปี 2564 คือ การวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนโรคโควิด โครงการพัฒนาการแพทย์ระยะไกลด้วยระบบดิจิทัล และโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่ทันสมัยสำหรับวิถีใหม่ โครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกและการเก็บพลังงาน โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และวิจัยด้านเอไอ โครงการยกระดับและใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและระบบมาตรคุณภาพของประเทศ โครงการพัฒนาเอไอเพื่อสร้างซอฟต์แวร์และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพประมาณ 500 รายจะได้รับการสนับสนุน ให้ใช้ความรู้และนวัตกรรม เทศโนโลยี การบริหารจัดการสมัยใหม่ คาดว่าจะเกิดการร่วมทุนและลงทุนเพิ่มของเอสเอ็มอีด้านการพัฒนานวัตกรรมไม่ต่ำกว่า 70 ราย 100 ล้านบาท และเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ผู้ประการนอกโครงการจะได้ใช้ประโยชน์ได้อีกมาก และเป็นประโยชน์ในระยะยาว ผลพลอยได้คือบัณฑิตที่ตกงานจะได้เข้าสู่ตลาดแรงงานพร้อมกับได้ฝึกทักษะใหม่

          

ส่วนที่ 2 ในระดับพื้นที่ คุณภาพชีวิตของประชาชนและการแก้โจทย์ท้าทายสังคม จะมีงบประมาณอีกกว่า 1 ใน 3 ที่ผสมผสานเทคโนโลยีกับมิติการจัดการทางสังคม เน้นการปรับตัวในวิถีใหม่ ได้แก่ โครงการต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่และชุมชน โครงการพัฒนาคุณภาพอากาศ การจัดการขยะ โครงการสังคมสูงวัย โดยกว่าครึ่งเป็นโครงการใหม่ปี 2564 ได้แก่ โครงการความมั่นคงทางอาหาร โครงการการพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อตอบภาวะวิกฤติและโรคอุบัติใหม่ ตลอดจนโครงการแก้ปัญหาความยากจนแบบแม่นยำโดยใช้ข้อมูลที่รัฐมี แต่จะลงสำรวจในพื้นที่เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและออกแบบนวัตกรรมที่สอดคล้องกับครัวเรือนและชุมชน เช่น การใช้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน และการพัฒนาเมืองน่าอยู่ รวมแล้วจะทำงานในพื้นที่ 20 จังหวัด วิสาหกิจชุมชนประมาณ 175 ชุมชน 350 ตำบล เกษตรกร 500 ครัวเรือน และ คนจน 1000 ครัวเรือน จะได้รับประโยชน์ นักวิจัยต้อง ทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่จะต้องขยายผลต่อไป

          

ส่วนสุดท้ายอีก 1 ใน 3 จะใช้ในการพัฒนาคนและความรู้สู่อนาคต ประชาชนทั่วไปจะมีทักษะสมัยใหม่ ด้วยโครงการ AI for All โครงการบัณฑิตเพื่ออนาคตสนับสนุนให้นักศึกษาวิจัยทำงานกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม โครงการคนไทยกับโลกดิจิทัล โครงการการวิจัยแนวหน้าและวิจัยพื้นฐาน เพื่อการผลิตและเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น เอไอ ควอนตัม

          

"งบประมาณการลงทุนด้าน ววน. จะเป็นพลังต่อเนื่องในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมเมื่องบเงินกู้หมดไป แต่ความรู้และนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจะใช้ได้อย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี กองทุน ววน. จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตจริง เช่น กระทรวงดีอีเอสทำให้ประเทศมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้านเอไอ การทำงานกับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา การสนับสนุนการวิจัยของกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถตอบพันธกิจของหน่วยงานได้ดีขึ้น เป็นต้น"

          

รศ.ปัทมาวดี กล่าวอีกว่า งบประมาณจำนวนนี้จึงถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์โควิดและหลังโควิด โดยจะเข้าไปเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยรับทุนกว่า 160 หน่วยงาน จะพิจารณาความสอดคล่องกับแผนด้าน ววน. ทำให้การจัดสรรงบประมาณมีเป้าหมายและทิศทาง กองทุนและหน่วยบริหารจัดการทุนจะตรวจสอบโครงการ ลดความซ้ำซ้อนในขณะที่บูรณาการเป้าหมายโครงการของหน่วยรับทุนต่างๆ เทียบกับเป้าหมายตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ตามแผน มีระบบติดตามประเมินผล ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ๕. ปารายนวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย สุตตนิบาต

วิเคราะห์ ๕. ปารายนวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ "ปารายนวรรค...