วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

"ดร.สุเมธ"เตือนสติคนไทย! ไม่มีหุ่นยนต์ตัวใดผลิตข้าวให้เรากินได้

 "ดร.สุเมธ"เตือนสติคนไทย! ไม่มีหุ่นยนต์ตัวใดผลิตข้าวให้เรากินได้จี้ทุกฝ่ายดูแล"ชุมชน"มุ่งศก.พอเพียงรับมือทุกวิกฤติ

 

วันที่ 28 สิงหาคม 2563  เครือข่ายพันธมิตร 11 องค์กรได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เอสซีจี เพื่อนชุมชน บมจ.พีทีทีโกลบอล เคมิคอล(GC) กลุ่มบ.ดาวประเทศไทย กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บมจ.วีนิไทย บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ร่วมแถลงข่าว”ผนึกกำลัง Big Brothers …นำชุมชนสู่กิจการเพื่อสังคมปีที่ 4 “โดยมีดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานในพิธีแถลงข่าวพร้อมกล่าวปาฐกถา “ชุมชนเข้มแข็ง สังคมก้าวหน้า ร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืน”

          “ โครงการนี้ตั้งแต่ปีแรกจนถึงสู่ปีที่ 4 เครือข่ายที่ร่วมเป็นพี่เลี้ยง ในการผลักดันการพัฒนาชุมชนในรูปแบบกิจการเพื่อสังคม(Social Enterprise :SE ) ที่จะขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน ถามว่าพอใจหรือยัง ผมคิดและอยากเสนอว่าไม่น่าจะจำกัดเฉพาะแค่ 11 รายนี้แต่อยากเห็นเป็น 110 ราย เป็น 1,100 รายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อยากฝากไว้ อย่าไปคิดว่าเราใช้ส่วนเกินของเราไปช่วยคนที่อ่อนแอกว่าหรือชุมชนที่อยู่อย่างยากไร้ถ้าคิดเช่นนั้นเราอาจจะไม่เข้าใจสถานะการใช้ชีวิตของเราก็ได้ เพราะชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับโรงงานหรือกิจกรรมที่ลงทุนใหญ่โต ชีวิตไม่ว่าอยู่ระดับไหน ไม่ว่าเราจะมี Robot สักกี่ตัว AI ก้าวหน้าไปแค่ไหนก็ตาม ผลสุดท้ายเราก็ต้องกลับมานั่งอยู่หน้าจานข้าวอยู่ดี” ดร.สุเมธกล่าว

          ดร.สุเมธกล่าวย้ำเตือนสติต่อว่า เมื่อวันนั้นมี ข้าว น้ำตาล ผัก เนื้อต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้มาจากการพัฒนาเมืองใหญ่ทุกอย่างที่เลี้ยงดูชีวิตเรามาจาก “ชุมชน” เขาเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าชุมชนหยุดผลิต เขาล้มละลายเมื่อไหร่ เราก็สูญสิ้นสลายชัดเจนที่สุด ทีนี้เข้าใจหรือยัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านใช้เวลา 8 เดือนต่อปีเป็นเวลา 70 ปีเพื่ออยู่กับชุมชนโดยเฉพาะในชุมชนชนบท เพราะคนเมืองใหญ่ไม่ว่าโตเกียว นิวยอร์ค ที่ไหนก็แล้วแต่บริโภคแล้วก็ถ่ายออกเป็นขยะไม่ได้ผลิตอะไรเลย

          AI แอพลิเคชั่น ทำให้เราสะดวกขึ้นแต่ไม่ได้เลี้ยงดูชีวิตเรา โควิด-19 ชัดเจนเลยระบบกระบวนการผลิตหยุดหมด วัตถุดิบไม่ถูกส่งเข้าโรงงาน ต่อให้เงินสด เครดิต เดินไปในห้างร้าน ชั้นสินค้าก็ว่างเปล่า แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ไม่มีอะไรขายแย่งชิงกัน ปัญหาใหญ่วันนี้ทรัพยากรหร่อยหรอ แต่การบริโภคมากขึ้น ด้วยประชากรไทยและโลกเพิ่มขึ้นมากโดยคาดกันว่าโลกในอีก 30 ปีข้างหน้าประชากรจะไปสู่ระดับ 9,000 ล้านคนจากวันนี้ 7,400 ล้านคน

          สงครามเกิดขึ้นทุกมุมโลก ลองคิดดูว่าความขัดแย้งด้านการเมือง ศาสนา แต่จริงๆคือแย่งชิงทรัพยากรเพราะในบ้านตัวเองหมด มีเงินแต่ไม่มีอาหาร สภาพความจริงต้องกลับไปสู่อาหารการกิน ไม่มี Robot หรือหุ่นยนต์ไหนปลูกข้าวให้เรากินได้ ดังนั้น Social Enterprise :SE ไม่ใช่มารยาทของธุรกิจที่ต้องทำให้ดูดีแต่ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของเราและให้ธุรกิจอยู่รอด ถ้าโรงงานจะยิ่งใหญ่แค่ไหน วัตถุดิบก็มาจากพื้นที่ที่เจ้าของเป็นชุมชน ไม่เลี้ยงดูเขาใครจะป้อนวัตถุดิบมาให้ และขณะเดียวกันเขาเหล่านี้ก็เป็นลูกค้าเราอีก ดังนั้นจึงต้องเลี้ยงดูเขา ซึ่งไม่ใช่แค่ SE แต่ต้อง Social Responsibillity คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่ 11 รายทุกคนต้องรับผิดชอบ

          “เราเจอวิกฤติและต่อไปก็ไม่รู้จะเจออะไรอีก วันนี้อย่าไปนึกถึงกำไรสูงสุด ตอนนี้เศรษฐกิจพอเพียงเข้าใจหรือยัง เข้าใจซะก่อนที่จะสายเกินไป วันนี้ชาวบ้านเขาต้องการอะไร เรามีความรู้ต้องเข้าไปช่วย แผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 8 รัฐบาลเองวันนี้ก็เอามาใช้คือ คำว่าประชารัฐ รัฐ กับประชา ต้องเดินไปด้วยกัน ซึ่งประชาก็คือ Big Brother ทั้งหลายด้วย เราต้องไปช่วยเขาบริหารน้ำ บริหารทรัพยากร นี่คือทางรอดของไทยและของโลกและเป็นกระแสที่ยั่งยืน ผลิตแล้วตลาดก็สำคัญ ร้าน7-11 ช่วยเพิ่มสินค้าสำหรับชุมชนจะได้ไหม“ดร.สุเมธกล่าว

          สรุปแล้ว "ชุมชน"คือ “รากแก้ว “ อย่าไปเรียกว่ารากหญ้า ดอกไม้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ดอกสวยแค่ไหน วันใดที่รากขาด ต้นไม้ก็อยู่ไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น ชุมชน จะต้องแข็งแรงเพื่ออยุงต้นไม้ทั้งต้น คือประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัย เพื่อให้มีพื้นที่ให้ลูกหลานอยู่อย่างมีความสุขต่อไป

          นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ได้ร่วมมือกับพันธมิตรรวม 11 องค์กรนำโดย กสอ.และวช. ดำเนินโครงการ Big Brother เพื่อผลักดันการพัฒนาชุมชนรูปแบบ SE ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงเพื่อช่วยชุมชนให้มีกิจการที่สร้างรายได้จากการผลิตหรือจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของชุมชน ปีนี้เครือข่ายเตรียมเปิดตลาดปันสุข จัดจำหน่ายสินค้า 3 ครั้งได้แก่ ครั้งที่1 ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ย. 63 ครั้งที่ 2 ระหว่าง 11-16 พ.ย. ณ เซ็นทรัลพลาซา ระยอง ส่วนครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 24-29 พ.ย. ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีชเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

          “กฟผ.ได้ส่งเสริมชุมชนรอบโรงไฟฟ้าและเขื่อนของกฟผ. ซึ่งสามารถต่อยอดจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนหลายแห่ง จนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเป็นที่ได้รับความนิยม พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ชุมชนในรูปแบบออนไลน์ Facebook Fanpage ตลาดนัดเอนจี้ ของดีทั่วไทย อีกด้วย”นายพัฒนากล่าว

          นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดี กสอ. กล่าวว่า กสอ.ได้รับความร่วมมือหลายหน่วยงานที่ได้เข้ามาช่วยกันต่อยอดองค์ความรู้ด้วยการนำจุดแข็งของแต่ละองค์กรมาให้ความรู้และโอกาสชุมชนผลิตต่อยอดสู่ธุรกิจ SE ซึ่งเราได้เริ่มต้นตั้ง 12 ก.ค. 2560 จนสู่ปีที่ 4 โดยวันนี้(28 ส.ค.)ก็มีสินค้าตัวอย่างมาออกบูธที่กฟผ.เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง โดยต่อไปจะมีการขยายเครือข่ายพันธมิตรให้มากขึ้น


ที่มา: https://mgronline.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วธ.ประเดิมงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ เปิดสารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน”

กระทรวงวัฒนธรรมเปิด “งานวัดพัฒนาประชาคม ไหว้พระรับพรย้อนวันวาน สารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน” ณ วัดประยุรวงศาวาส  ภายใต้งานใต้ร่มพระบารมี 2...