วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ม็อบสวนกลับ "บิ๊กตู่" ออกแถลงการณ์ ถามนี่คือการประกาศสงครามกับปชช.ใช่หรือไม่?


เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน  2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ว่า จากสถานการณ์การชุมนุมในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลและทุกฝ่ายกำลังร่วมกันหาทางออกโดยสงบและสันติ บนพื้นฐานของกระบวนการตามกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีท่าทีที่จะบรรเทาลง แม้รัฐบาลได้แสดงความจริงใจ ในการแก้ปัญหา โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ใช้ความพยายามปฏิบัติหน้าที่ ในการรักษาความ สงบเรียบร้อย รวมทั้งติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินการต่าง ๆ ตามหลักสากลด้วยความระมัดระวัง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาบรรยากาศของความรักความสามัคคีปรองดองของทุกคนในชาติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นสำคัญ          

ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีนัก และมีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความขัดแย้ง นำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง รวมทั้งความสงบสุขปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไป รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้น ในการปฏิบัติโดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล

หลังจากนั้นเพจเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์คำแถลงการณ์ดังกล่าวพร้อมระบุว่า 

 นี่คือการประกาศสงครามกับประชาชนเต็มรูปแบบใช่หรือไม่? รัฐบาลของประยุทธ์ ได้ออกแถลงการณ์ โดยจะใช้นิติสงครามเต็มรูปแบบ ทุกมาตราที่มีอยู่ในมือ นั่นอาจรวมถึง 112 หรือกฎหมายเอาผิดผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ด้วย 

ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงแล้ว อนาคตของประเทศ ขึ้นอยู่กับข้าราษฎรทุกหมู่เหล่า พนักงานออฟฟิศ ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา และราษฎรทุกคน 

สันติวิธีนั้นมีหลายรูปแบบ การสาดสี และพ่นสียังจัดอยู่ในสันติวิธี แต่บนรัฐที่ล้มเหลวเช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ การพยายามบิดเบือน และสร้างความชอบธรรมให้รัฐเกิดขึ้นอยู่เสมอดังเช่นในอดีต แต่ผองราษฎรจงอย่ายอมจำนน ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้ ก็ต้องอยู่อย่างทาสไปอีกหลายทศวรรษ 

โปรดเตรียมพร้อมรับมือกับความเหลวแหลกของรัฐ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง

วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมา...