วันที่ 12 มกราคม 2564 ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานคณะกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส ผู้เขียนหนังสือ"รู้ทันทักษิณ" ได้นำเสนอบทความเรื่อง"รู้ทันทักษิณ รู้ทันทรัมป์" ความว่า
พฤติกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์ ที่ปลุกระดมมวลชนสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นที่รัฐสภา หลังความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและต้องการมีอิทธิพลเหนือวุฒิสภาไม่ได้ผล จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สมัยระบอบทักษิณเรืองอำนาจ
1. ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่ ประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้งภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 2540 ขณะที่ผู้คนถวิลหานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาบริหารประเทศ เพราะมุ่งหวังว่าจะได้ช่วยนำพาเศรษฐกิจ
โดนัล ทรัมป์ เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาหลังวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ ที่คนอเมริกันแสวงหาผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมานำพาประเทศ
2. ทั้งทักษิณและทรัมป์ ยึดนโยบายประชานิยม ชาตินิยม ผลประโยชน์ที่ให้เฉพาะกลุ่มคนที่เลือกเขาเป็นหลัก เยียดคนกลุ่มน้อยและใช้ความรุนแรง
3. ทั้งสองคนพูดจาโผงผางไม่เกรงกลัวอะไร ใช้ระบบพรรคพวก เอื้อประโยชน์คนรอบข้าง คนในครอบครัวทั้งภรรยา น้องสาว ลูกสาว ลูกเขย มีส่วนในการเข้าแทรกแซงการบริหาร
4. ทักษิณพยายามแทรกแซงวุฒิสภา แจกจ่ายผลประโยชน์ให้ ส.ว. พยายามเปลี่ยนประธานวุฒิสภาและประธานกรรมาธิการให้เป็นคนของตน
ไม่ต่างอะไรกับทรัมป์ที่แทรกแซงวุฒิสภา พยายามกดดันผ่านรองประธานาธิบดีที่ ทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา
5. ทักษิณแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ครอบงำองค์กรอิสระ ถึงกับเคยกล่าวว่า “กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นคนของเรา”
ทรัมป์พยายามแทรกแซงกระบวนการสอบสวนที่ตรวจสอบพฤติกรรมของตน และสุดท้ายพยายามส่งคนของตนไปเป็นศาลสูงสหรัฐอเมริกา ก่อนการเลือกตั้งครั้งสำคัญ
6. ทั้งทักษิณและทรัมป์แทรกแซงและครอบงำสื่อมวลชน จนกระทั่งสื่อมวลชนแตกแยกเป็นฝักฝ่าย แยกเป็นสองค่าย กลายเป็นสื่อเลือกข้าง (แดงกับฟ้า)
7. ทักษิณและทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยง ไม่จ่ายภาษีเป็นจำนวนมากมหาศาล และทั้งคู่ก็แอบอ้าง บิดเบือนประเด็นไปว่า ตนจ่ายภาษีมากกว่าใครๆในประเทศเสียอีก
8. ทรัมป์และทักษิณเป็นนักธุรกิจระดับเศรษฐีที่นิยม ครอบครองบ้านหลายหลังอยู่ในหลายประเทศ และอวดร่ำอวดรวยไม่ต่างกัน
9. จิตแพทย์หญิงชาวสหรัฐอเมริกาเคยอัดคลิปแสดงความเป็นห่วงว่าทรัมป์ว่าน่าจะมีปัญหาทางจิต หากปล่อยให้เป็นผู้นำประเทศบ้านเมืองจะเสียหาย
เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯของไทย จิตแพทย์ได้เขียนในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ”แสดงความเป็นห่วงในพฤติกรรมว่า ผู้นำสมัยนั้นอาจเป็นคนสองบุคคลิก และเป็นคนบ้าใหญ่บ้าโต (Megalomania)
10. เมื่อจะสูญเสียอำนาจ ทักษิณปลุกระดมคนเสื้อแดง ผ่านวีดีโอคอล “ผมแพ้ไมได้” “ให้ออกมากันให้มากๆ หากมีการใช้กำลัง ให้ปฏิบัติการได้ทันที”
เช่นเดียวกับทรัมป์เมื่อจะสูญเสียอำนาจก็ปลุกระดมมวลชนมาบุกรัฐสภา โดยใช้วีดิโอคอลเช่นเดียวกับทักษิณ และบอกให้มวลชนต้องแข็งกล้า ไม่ยอมแพ้ต่อ
11. การปลุกระดมของทักษิณและทรัมป์ นำมาซึ่งความรุนแรง มีการเผา มีการทำลายทรัพย์สิน มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะของทั้งสองฝ่ายในทั้งสองประเทศ
12. แม้ทักษิณ และทรัมป์จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว สังคมของทั้งสองประเทศก็เกิดความแตกแยกแบ่งฝ่ายและมีทีท่าว่าจะลุกลาม ส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจ และสังคมในอนาคต
ข้อสังเกตส่งท้าย : ระบอบทักษิณเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาซึ่งรัฐประหาร สร้างเงื่อนไขให้กองทัพอ้างเหตุผลในการยึดอำนาจ ต่างกับสหรัฐอเมริกาที่ทหารเคร่งครัดในหน้าที่และอาชีพของตน ไม่ฉวยโอกาสเข้ามายึดอำนาจด้วยปืน
ขณะเดียวกันวุฒิสภาและรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาได้พยายามใช้มาตรการทางกฎหมายและกระบวนการทางรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาด้วยมาตรการในระบอบประชาธิปไตย
ระบอบการปกครองที่ดี ก็ยังต้องประกอบด้วยคนดีที่มีจิตสำนึกมาบริหารประเทศ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสร้างระบบตรวจสอบถ่วงดุลผู้มีอำนาจ และสร้างสังคมให้คนดีได้ทำหน้าที่และกีดกันคนไม่ดีไม่ให้มีโอกาสทำร้ายสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น