วันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2564 จากกรณีกลุ่มซีพีได้ลงทุน 515 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.54 หมื่นล้านบาท) เข้าถือหุ้น 15% ในบริษัท "ซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์" ผู้ผลิตวัคซีน "โคโรนาแวค" ของประเทศจีน ที่มีข้อตกลงส่งมอบให้ประเทศ 2 ล้านโดสนั้น นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หากพิจารณาให้รอบคอบ จากเดิมกลุ่มซีพี ระบุว่าจะตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย โดยทุ่ม 100 ล้านบาท เร่งสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรี โดยโรงงานดังกล่าวจะสร้างเสร็จภายใน 5 อาทิตย์ จะมีกำลังการผลิตประมาณเดือนละ 3 ล้านชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลมีความจำเป็น และประชาชนที่ยังขาดโอกาสเข้าถึง ขณะนี้เวลาผ่านมาเกือบจะครบปีแล้ว ยังไม่เห็นผลงานที่ชัดเจนเป็นชิ้นเป็นอัน
นายนิยม กล่าวต่อว่า ล่าสุดตนมีข้อสังเกตการที่ ครม.อนุมัติสั่งซื้อ วัคซีน "โคโรนาแวค" ของประเทศจีน ที่กลุ่มซีพี เข้าทุ่มทุนถือหุ้นใหญ่กว่า 15% หากมองราคาของวัคซีนก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยราคาที่เราซื้อมากถึง 2 ล้านโดส แต่เราได้ราคาถึงโดสละ 614 บาท แต่หากว่าต้นทุนในการผลิตจะมีราคาเพียงเท่าใด ขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ดี หากตรวจสอบภายหลังมีการฮั้วกันและทุ่มซื้อบริษัทยาโดยนำงบประมาณประเทศไปซื้อ และยิ่งกว่านั้นหากตัวยาไม่มีคุณภาพ ก็จะส่งผลสร้างความเสียหายให้กับประเทศ
นายนิยม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้วัคซีนของประเทศจีนนั้น ตนอยากให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทดสอบฉีดพร้อมกับกลุ่มนักลงทุน เป็นการประเดิมเสียก่อน หลังจากนั้นควรให้กักตัวกับผู้ติดเชื้อโควิด19 เพื่อพิสูจน์ว่าวัคซีนมีผลป้องกันได้จริงหรือไม่ เมื่อครบ 14 วัน หากได้ผลว่า พล.อ.ประยุทธ ไม่ติดเชื้อโควิด19 ก็ค่อยนำวัคซีนนั้นมาใช้กับประชาชนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น