เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 เวลา 08.00 น. ที่กรมป่าไม้ ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ,ดร.นพดล แก้วสุพัฒน์ ที่ปรึกษากรรมาธิการศาสนาฯ , ร.ต.ต.สิริชัย ตุลยสุข ที่ปรึกษากรรมาธิการศาสนาฯ , นายธัชกร แต้ศิริเวช ที่ปรึกษากรรมาธิการศาสนาฯ , ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการศึกษาพิจารณาพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ , นายสัมพันธ์ เสริมชีพ อนุกรรมาธิการศึกษาพิจารณาพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ , นายมิตร โพติยะ นิติกรชำนาญการรัฐสภา และตัวแทนคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม เข้าพบปะและอวยพรปีใหม่นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้
ดร.นพดล ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ที่อำนวยความสะดวกในการดำเนินการให้สำนักสงฆ์ใช้ที่ป่าจำนวน 15 ไร่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 เกี่ยวกับมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต สำหรับในกรณีของสำนักสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้มากก่อน
"ก่อนหน้านี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำเอกสารเพื่อขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เป็นที่เรียบร้อย ดังมีระยะเวลาสิ้นสุดภายในวันที่ 18 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา โดยก่อนมีการสิ้นสุด สำนักพุทธงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ดำเนินการยื่นเอกสารต่อกรมป่าไม้ โดยนายสิปป์บวร แก้วงาม ลงนาม" ดร.นพดล กล่าว
ดร.เพชรวรรต กล่าวเสริมว่า ตนต้องขอบพระคุณอธิบดีกรมป่าไม้อีกครั้งที่มีแนวคิดที่จะเสนออนุมัติให้สำนักสงฆ์ที่ขึ้นทะเบียนตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 นั้น ไม่ต้องชำระเงินอัตราค่าปลูกป่าทดแทนในอัตราไร่ละ 10,960 บาทต่อไร่ ในระยะเวลา 30 ปี หากลองคิดดูจะต้องให้วัดป่าที่อยู่ตามต่างจังหวัดต้องหาเงินจำนวน 164,400 บาท นั้นคงเป็นการยากไม่รู้ต้องทอดผ้าป่าอีกกี่ปี สิ่งนี้จะเป็นคุณูปการต่อพระพุทธศาสนายิ่ง ทั้งนี้อธิบดียังแนะนำหากสำนักสงฆ์ใดที่มีพื้นที่เกินกว่า 15 ไร่ก็สามารถขอพื้นที่เพิ่มตามมาตรา 19 ในโครงการพระสงฆ์ดูแลป่าไม้ แต่ในความคิดของตนอยากจะให้ขอตามความเหมาะสมและดูศักยภาพของสำนักสงฆ์ที่จะสามารถดูแลและพัฒนาพื้นที่และประชาชนได้ หากสามารถบริหารได้ดี จะเป็นมิติใหม่ที่ดีและสร้างศีลธรรมให้กับสังคม เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาศีลธรรมและลดคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น