วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
ฟังเทศน์แล้วตายไปเกิน ๑๐๐ ศพ ยังมีอีก ๕๐๐ คน รอคิวฟังเทศน์ก่อนจะตายกลายเป็นศพ
ฟังเทศน์แล้วตายไปเกิน ๑๐๐ ศพ ยังมีอีก ๕๐๐ คน รอคิวฟังเทศน์ก่อนจะตายกลายเป็นศพ พระมหานันทา ๑ เดียว แห่งพระนักเทศน์ ใช้เวลาเทศน์ ๑๕ นาทีเท่านั้น ที่คนฟังแล้วตายพร้อมๆ กัน ๕ ศพ!
"พระนักเทศน์นักโทษประหาร" เป็นฉายาที่ พระมหานันทา นนฺทปญฺโญฺ หรือ พระครูศรีนนทวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ต.ส่วนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
พระมหานันทา บอกว่าไม่อยากรับและก็ไม่อยากเป็น ซึ่งชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของนักฟังเทศน์ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงอะไรมากนัก
แต่ท่านกลับเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่นักโทษเด็ดขาดของเรือนจำบางขวาง นักโทษบางคนมีโอกาสฟังเทศน์ของท่านเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีโอกาสอีกเลย
จากประสบการณ์เดินเข้าออกคุกบางขวางนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีคำพูดหนึ่งของนักโทษมักพูดให้ได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า
"ถ้าผมไม่ติดคุก ผมคงไม่มีโอกาสฟังเทศน์และปฏิบัติธรรม"
ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับพระมหานันทา ขณะเดียวกันท่านก็พูดไว้อย่างน่าคิดว่า
"วันนี้เรามีโอกาสฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมก็จงทำเสีย อย่าบอกว่าไม่ว่างหรือไม่มีเวลา เพราะท่านอาจจะว่างและมีเวลาก็ต่อเมื่อไปอยู่ในเรือนจำเสียแล้ว และอาตมาไม่อยากเทศน์ให้ใครฟังเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต"
ทุกวันนี้พระมหานันทายังเดินเข้าคุกบางขวางเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงวันสำคัญทางศาสนาและเทศกาลสำคัญๆ ของปี จนกลายเป็นว่า
อาตมาเป็นส่วนหนึ่งของคุกบางขวางไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะกรรมในอดีตชาติที่เคยสร้างมากับนักโทษจึงต้องมาเทศน์โปรดกันถึงในคุกเช่นนี้
การเทศน์โปรดนักโทษทั่วๆ ไปอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เทศน์โปรดนักโทษประหารนี่สิเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เห็นเขาเป็นๆ ตอนเข้าทางประตูหน้าพอรุ่งเขามาที่วัดเป็นร่างไร้วิญญาณ
กิจนิมนต์ครั้งสุดท้ายที่พระมหานันทา ถูกนิมนต์ไปเทศน์เพื่อไปโปรดนักโทษประหาร คือ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่นักโทษประหารถูกประหารชีวิตโดยวิธีการใช้เข็มฉีดยาเป็นครั้งแรกที่เรือนจำบางขวาง
จากนั้นก็ไม่มีการประหารอีกเลย โดยในครั้งนั้นมีการประหารชีวิต ๔ คน คือ น.ช.พนม ทองช่างเหล็ก คดีฆ่าคนตาย น.ช.บุญลือ นาคประสิทธิ คดียาบ้า น.ช.พันพงษ์ สินธุสังข์ และ น.ช.วิบูลย์ ปานะสุทธ
คนทั่วๆ อาจจะไม่รู้การได้มีชีวิตและลมหายใจอยู่บนโลกทุกวันนี้เป็นความสุขอย่างยิ่ง แต่นักโทษประหารที่รอคำสั่งประหารเกือบ ๕๐๐ คน
เขาจะมีความสุขอย่างยิ่งอยู่ ๒ วัน คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่ ๑๖.๐๐ น.ของเย็นวันศุกร์ถึง ๐๘.๐๐ น.ของเช้าวันจันทร์
จากนั้นอีก ๕ วัน ก็ต้องใช้ชีวิตที่ต้องรอลุ้นว่าคำสั่งประหารจะตกอยู่ที่ใคร?
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มักจะอธิษฐานจิตเสมอๆ ว่า ขออย่าให้เจ้าหน้าที่เรือนจำบางขวางสงฎีกามานิมนต์อีกเลยตลอดทั้งชีวิต
เมื่อไม่ต้องเทศน์ประตูผีที่เคยเปิดปีละหลายๆ ครั้งก็ถูกปิดตายไปด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากโบกปูนปิดประตูนี้เสียเลย
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ไปเทศน์โปรดนักโทษประหาร พระมหานันทา บอกว่า สิ่งที่นักโทษประหารมีเหนือกว่าคนปกติทั่วๆ ไป คือ
ตายแบบรู้ตัวรู้วันเวลา ปกติแล้วคนทั่วๆ จะตายแบบไม่รู้ตัว หรือเรียกว่าตายแบบไม่มีสติ แต่นักโทษประหารตายอย่างมีสติ รู้กำหนดลมหายใจจะสิ้นเมื่อไร
การที่รู้ตัวก่อนตายทำให้สามารถเตรียมตัวก่อนตาย สามารถทำกิจอะไรก่อนตายได้ เขียนจดหมายบอกลา ฝากคำพูด และแบ่งทรัพย์สมบัติได้
ส่วนคนที่ตายแบบไม่รู้ตัวเลยนั้น ร้อยทั้งร้อยไม่เคยเตรียมอะไรไว้เลย ดังนั้นคนเราจึงควรตั้งชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทเพราะความตายเปรียบเสมือนเงาที่ตามตัวเราตลอดเวลา
เทศน์ให้นักโทษประหารฟังมันเป็นบทพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่ากรรมนั้นมีจริง ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าชาตินี้กรรมก็ตามทัน
นักโทษบางคนหนีอาญาแผ่นดินกว่า ๑๐ ปี แต่ก็ถูกจับประหารชีวิตเพื่อชดใช้กรรม ถ้ากรรมไม่มีเขาต้องหนีกรรมพ้น เขาต้องไม่ถูกประหารเมื่อเรามีโอกาสฟังพระเทศน์ก็จงรีบฟัง ถ้าตั้งใจฟังก็จะเกิดปัญญา
หากนำหัวข้อธรรมะไปปฏิบัติชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองเหมือนได้อยู่เมืองสวรรค์ ถ้าไม่ฟังเทศน์นอกจากไม่เกิดปัญญาแล้วอาจจะนำพาชีวิตไปสู่นรกได้
ฉันได้ยินนักโทษพูดเสมอว่า นี่ถ้าไม่ติดคุกคงไม่ได้ฟังเทศน์ ไม่มีโอกาสได้สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม หากเข้าวัด ฟังเทศน์และปฏิบัติธรรมตั้งแต่อยู่นอกคุก วันนี้คงไม่ต้องมานั่งฟังเทศน์ในคุกคนส่วนใหญ่มักอ้างว่าไม่มีเวลา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปลี่ยนวิธีการประหารจากการประหารชีวิตด้วยวิธีการใหม่คือ การแทนวิธีการประหารชีวิต แบบเดิมนั่นคือวิธีการยิงเป้าซึ่งใช้มา ๖๘ ปี แต่ประเด็นเทศน์ยังคงเดิม คือ
เทศน์เรื่องกฎแห่งกรรมอย่างเดียว หัวข้อธรรมอื่นคงไม่มีประโยชน์อะไร เริ่มจากการให้ศีลก่อน ที่สำคัญคืออย่าไปซ้ำเติมนักโทษ ต้องเทศน์ให้อยู่ในกรอบของพระ ต้องไม่อิงกฎหมาย ต้องอิงธรรมะของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะเรื่องกรรม สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ตอนท้าย คือ การอโหสิกรรม ต่อผู้คุม ผู้ประหาร เพื่อให้หมดเวรกรรมต่อกัน
"เหตุของการตายไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก แต่มันอยู่ที่การกำหนดจิตก่อนชีวิตจะดับ เมื่อจิตของเราผ่องใส จิตมีสติ สุคติเป็นที่หวังในเบื้องหน้าดังพระบาลีว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่หวังได้" พระมหานันทา กล่าวทิ้งท้าย
cr.https://www.youtube.com/watch?v=WFc74M3T6p0
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ประยุกต์ใช้ AI บริหารการศึกษา "มจร" ปริบทพุทธสันติวิธี
การประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารการศึกษาของ มจร เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถของมหาวิทยาลัยในด้านการศึกษาและการเผยแผ่พุทธศาสน...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น