การปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในยุค AI เป็นการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของประชาชน การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบริหารจัดการและเผยแผ่ศาสนานั้นจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านทรัพยากร บุคลากร และนโยบายที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างใหม่ โดยการทำงานนี้จะช่วยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสามารถเผยแผ่ศาสนาและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น . ณ อาคารสัมฤทธิ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกำกับของ รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ากราบถวายสักการะเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม
ในการนี้ เจ้าประคุณสมเด็จได้เมตตาให้โอวาท และขอแนะนำที่สำคัญต่อพระศาสนาการคณะสงฆ์ ดังนี้ 1. การปรับโครงสร้างและบทบาทของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการสนองงานคณะสงฆ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2. การดำเนินการเรื่องศาสนสมบัติโดยเฉพาะที่ดินของวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรี ควรให้มีการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ 3. การบำรุงรักษาปรับปรุงภูมิทัศน์องค์พระพุทธมณฑลให้สวยงามเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
การปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานของทุกภาคส่วน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาวิธีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ ในการประชุมที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ดร.นิยม เวชกามา ผู้แทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะที่ปรึกษาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับโครงสร้าง พศ. เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น
บทความนี้จะวิเคราะห์แนวทางการปรับโครงสร้างองค์กร พศ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบายโดยพิจารณายุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิสัยทัศน์ แผนงาน และโครงการที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI เพื่อให้ พศ. สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วิสัยทัศน์: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในยุคใหม่ควรเป็นองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีโครงสร้างที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการเผยแผ่และบริหารศาสนา เพื่อให้การทำงานเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพและมีการเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง
ยุทธศาสตร์: เพื่อให้เกิดการปรับโครงสร้างอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์หลักคือการเน้นพัฒนาศักยภาพและทักษะทางเทคโนโลยีของบุคลากรใน พศ. ให้สามารถใช้เครื่องมือ AI ในการบริหารจัดการและการเผยแผ่ศาสนา นอกจากนี้ ควรสร้างระบบการทำงานที่มีความโปร่งใส มีการวางแผนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนเพื่อให้การปรับโครงสร้างดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ยุทธวิธีในการดำเนินการปรับโครงสร้าง
การดำเนินการปรับโครงสร้างควรเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวของการดำเนินงาน รวมถึงการจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม ซึ่งประกอบด้วยยุทธวิธีดังนี้:
การประเมินประสิทธิภาพของโครงสร้างเดิม: ควรทำการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของโครงสร้างปัจจุบัน เพื่อให้เข้าใจถึงจุดที่ควรปรับปรุงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร
การจัดโครงสร้างที่สนับสนุนการใช้ AI: จัดตั้งหน่วยงานหรือแผนกที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยเฉพาะ เช่น หน่วยงานที่ดูแลด้านการพัฒนา AI สำหรับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา การเก็บข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อการพัฒนาบริการที่ตรงตามความต้องการของประชาชน
การพัฒนาบุคลากรในด้านเทคโนโลยี: พัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีของบุคลากรและสร้างความเข้าใจในบทบาทของ AI ในการปรับปรุงงานพระพุทธศาสนา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้งานเทคโนโลยี AI อย่างเต็มที่
3. แผนงานและโครงการในการพัฒนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในยุค AI
แผนงาน 1: โครงการประเมินโครงสร้างและกระบวนการภายในองค์กร
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินโครงสร้างปัจจุบัน วิเคราะห์ความจำเป็นในการปรับเปลี่ยน และประมวลผลว่าทรัพยากรขององค์กรถูกใช้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่
กิจกรรม: ทำการสัมภาษณ์บุคลากรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน พศ. ศึกษาและสรุปผลการทำงานของแผนกต่าง ๆ และจัดทำรายงานประเมินเพื่อใช้ในการตัดสินใจ
แผนงาน 2: โครงการพัฒนาหน่วยเทคโนโลยีและข้อมูลใน พศ.
วัตถุประสงค์: พัฒนาหน่วยงานใหม่ที่ทำหน้าที่สนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วย AI และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเน้นที่การเก็บข้อมูลเชิงสถิติเพื่อการวิเคราะห์
กิจกรรม: จัดตั้งทีมงานที่มีทักษะด้านการใช้ AI สำหรับการจัดการข้อมูล สร้างเครื่องมือ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของประชาชน และใช้ในการพัฒนาเนื้อหาการเผยแผ่ธรรมะ
แผนงาน 3: โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรในการใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัล
วัตถุประสงค์: สร้างความเข้าใจและเพิ่มทักษะด้าน AI ให้แก่บุคลากรใน พศ. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการเผยแผ่ธรรมะ
กิจกรรม: จัดอบรมและหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ในการเผยแผ่ศาสนาและการบริหารจัดการ เช่น การใช้แอปพลิเคชัน AI สำหรับการสื่อสารกับประชาชน และการจัดการข้อมูล
4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จากการวิเคราะห์ข้างต้น ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการปรับโครงสร้าง พศ. ในยุค AI ประกอบด้วย:
การสนับสนุนด้านทรัพยากร: รัฐบาลควรสนับสนุนด้านทรัพยากรและงบประมาณในการพัฒนาหน่วยงานที่ใช้เทคโนโลยี AI ใน พศ. เพื่อสร้างความคล่องตัวในการเผยแผ่ธรรมะและการบริหารจัดการ
การวางนโยบายที่ยืดหยุ่น: พัฒนานโยบายที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับการใช้ AI ในการเผยแผ่ศาสนา
การร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ: สร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาโครงสร้างและระบบการทำงานที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น