วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

นวัตวิถีไมซ์ มิติใหม่ ภายใต้ความร่วมมือ 'พช.-TCEB-มช.-TICA'ต่อยอดสินค้าชุมชน




วันที่ 21 มิถุนายน 2562 นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุม กระทรวงมหาดไทย ลงนามในบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน), คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) เพื่อส่งเสริมชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี สู่อุตสาหกรรมไมซ์ ณ เวทีกลางอาคารชาเลนเจอร์ 2 ในงาน OTOP Midyear 2019 ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยทั้ง 4 หน่วยงานจะร่วมมือกันทำงาน บ่มเพาะ ต่อยอดชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถีทั่วประเทศ ให้มีความพร้อมในการเข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ สนองนโยบายภาครัฐในการพัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่น เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการใช้นวัตกรรม มาเป็นเครื่องมือสร้างจุดขายของชุมชน เพื่อเป็นส่วนสำคัญร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย

นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความสำคัญ ของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ว่า จะเป็นการยกระดับชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี และสินค้า OTOP ผ่านกระบวนการบ่มเพาะ ต่อยอด โดยใช้หลักการตลาดนาการผลิต/การพัฒนา โดยบูรณาการความร่วมมือและความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) จากสำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) : TCEB และ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) : TICA โดยมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสื่อกลาง จึงนับเป็น การทำงานร่วมกับภาคส่วนที่สำคัญของห่วงโซ่บริการไมซ์ ท้ังนี้ กำหนดดำเนินการ (นำร่อง) ในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (จังหวัดเชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง และแม่ฮ่องสอน) โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้คัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อม จานวน 8 หมู่บ้าน/ชุมชน เป็นพื้นที่ดำเนินการในปีแรก และพร้อมขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาค/กลุ่มจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปภายหน้า ประกอบด้วย

1. จังหวัดลำพูน ได้แก่ บ้านแพะ อำเภอบ้านธิ และ บ้านดอนหลวง อำเภอป่าซาง 2. จังหวัดลำปาง ได้แก่ ชุมชนท่ามะโอ อำเภอเมืองลำปาง และ บ้านแม่แจ๋ม อำเภอเมืองปาน 3. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ้านโป่งกวาว อำเภอสะเมิง และ บ้านป่าตาล อำเภอสันกำแพง 4. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ บ้านละอูบ อำเภอแม่ลาน้อย และ บ้านป่าปุ๊ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อานวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เสริมว่า TCEB ต้องการขยายตลาดไมซ์ไปสู่ภูมิภาค จึงได้จัดตั้งหน่วย ผู้เชี่ยวชาญเชิงพื้นที่ขึ้นเพื่อขยายผลความสาเร็จจากโครงการ MICE CITY และเล็งเห็นว่าภาคีที่สำคัญ ของการทำงานภูมิภาค คือ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีเครือข่ายระดับชุมชนทั่วประเทศ ซึ่ง TCEB เห็นศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และสินค้า OTOP จึงพิจารณาส่งเสริม และขยายการตลาด ทั้งในส่วนการเพิ่มลูกค้าไมซ์ไปจัดกิจกรรมในชุมชน และนาสินค้า OTOP รวมถึงผลผลิตการเกษตรในท้องถิ่นมาสู่กลุ่มลูกค้างานประชุม ทั้งในรูปแบบสินค้าที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ในกิจกรรมไมซ์ ทั้งนี้ TCEB ได้พัฒนาช่องทางการตลาด ONLINE ไว้รองรับ ในชื่อ MICE Marketplace ที่จะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสินค้าและชุมชนของกรมการพัฒนาชุมชนได้ทันที 

โครงการความร่วมมือนี้ จึงนับเป็นการรวบรวมความเชี่ยวชาญของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษามาร่วมกันต่อยอดศักยภาพสินค้าและบริการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ขยายโอกาสทางการค้าและการตลาด ผ่านการเข้าร่วมงานประชุมและแสดงสินค้า รวมถึงเตรียมความพร้อม ในการเจรจาธุรกิจ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ในระดับพื้นที่

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ไพรัช กาญจนการุณ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คณะได้มีการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ ภายใต้สังกัด คณะเศรษฐศาสตร์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นไมซ์ซิตี้ หนึ่งในห้าของประเทศไทย โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ มีประสบการณ์การพัฒนาสินค้า และบริการไมซ์เพื่อตอบโจทย์ตลาดไมซ์คุณภาพ ครั้งนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านไมซ์ จะได้ประยุกต์ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ด้านการออกแบบ การจัดการข้อมูล และอื่น ๆ มาใช้เชิงพาณิชย์ นับเป็นการขยายผลองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย

นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) ผู้แทนฝั่งเอกชน ยืนยันถึงความพร้อมของการเชื่อมโยงชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เพื่อลูกค้าไมซ์ ว่า ปัจจุบัน ลูกค้าไมซ์ต้องการได้รับประสบการณ์การจัดกิจกรรมในพื้นที่ระดับชุมชน รวมถึงการนำประเพณี วัฒนธรรมของประเทศไทยมาเป็นกิจกรรมสาธิตในระหว่างงานประชุม ความร่วมมือนี้จึงเป็นการเพิ่มเสน่ห์ไทยให้งานไมซ์ได้อย่างโดดเด่น โดย TICA ซึ่งเป็นสมาคมของผู้ให้บริการด้านไมซ์ ทั้งบริษัทที่จัดงาน โรงแรม และศูนย์ประชุม พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำในการบ่มเพาะ ให้ความเข้าใจ เตรียมความพร้อมชุมชน ไปจนถึงการเชื่อมโยงให้สมาชิกพาลูกค้าไปจัดกิจกรรมไมซ์ เน้นการขายแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์ร่วมกับคนในชุมชน

ผลสําเร็จของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมไมซ์ เปิดตลาดชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ไปสู่ตลาดสินค้าและบริการสร้างสรรค์มูลค่าสูง และ ภําคีทั้ง 4 หน่วยงาน เชื่อมั่นว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สร้างมูลค่าเพิ่มในตลําดกํารค้าอีกไม่น้อยกว่า100ล้านบาท ซึ่งจะเป็น การกระจายรายได้ไปสู่เศรษฐกิจฐานราก จํากมูลค่าตลาดไมซ์ของประเทศไทยอยู่ที่ 212,924 ล้านบาท โดยมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวมทั้งสิ้น 34,267,307 คน จําแนกเป็น นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศ จํานวน 1,255,985 คน ก่อให้เกิดรายได้ 95,623 ล้านบาทและนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศ จํานวน 33,011,322 คน ก่อให้เกิดรายได้ 117,301 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ณพลเดช" ปิ๊งไอเดีย! เชียงรายศูนย์กลางการเงินโลก-โมเดลสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย หลังออกกฎหมาย เขต ศก.พิเศษ

วันที่ 19 เมษายน 2567     เวลา 11.00 น. ที่ประเทศลาว  ดร.ณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำส...