วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ปชป.ยื่นญัตติเกษตร พท.ติงคว่ำตั้งกมธ.สอบสรรหาส.ว.



เป็นงาน! ปชป.ลุยเวทีสภายื่นญัตติแก้ปัญหาเกษตรกร  ขณะที่  "โฆษกเพื่อไทย" ซัดวิปรัฐบาล ดันทุรังคว่ำตั้งกรรมาธิการสอบสวนการสรรหาส.ว.  "คารม" ไม่สบายใจล็อคตัว ส.ว.เป็นประธาน กมธ.ร่างข้อบังคับ ชี้เป็นการรุกคืบของ ส.ว.เหนือ ส.ส.-หวั่นกำหนดทิศทางสภามากเกินไป

วันที่ 26 มิ.ย.62  นายราเมศ  รัตนะเชวง  โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงผลการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 5/2562 ว่า ที่ประชุมได้เชิญผู้แทน ป.ป.ช. บรรยายเรื่อง การยื่นบัญชีทรัพย์สิน พร้อมตอบข้อสงสัย ซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสาระสำคัญที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ป.ป.ช. อย่างเคร่งครัด 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังพูดคุยถึง เรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องเกษตรกร คือกำหนดตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายญัตติเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ ซึ่งจะมีเรื่องราคาผลิตผลทางการเกษตร ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีราคาตกต่ำเป็นอย่างมาก โดยจะมีการหยิบยกปัจจัยในการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ที่มีราคาแพง ประกอบกับสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีราคาสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้ประชาชนในภาคการเกษตรประสบปัญหาความยากจน  

ซึ่งญัตติดังกล่าวเป็นญัตติที่อยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร เพื่อให้สินค้าเกษตรมีความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรดีขึ้น ผลการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติเรื่องนี้ก็จะส่งการพิจารณาให้รัฐบาลไปดำเนินการต่อไป สำหรับเรื่องนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ เสนอตัวอภิปรายจำนวนมาก

ทั้งนี้ที่ประชุมยังมีการกำหนดตัวบุคคลในส่วนของพรรคฯ ไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญคณะต่างๆ ในขณะที่ยังไม่มีคณะกรรมาธิการสามัญแต่จะมีบุคลากรที่เป็นอดีต ส.ส. ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพื่อระดมความคิดทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนได้มากยิ่งขึ้น


“โฆษกเพื่อไทย”ซัดวิปรัฐบาล ดันทุรังคว่ำตั้งกรรมาธิการสอบสวนการสรรหาส.ว.  
    
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์  โฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐและประธานวิปรัฐบาล(ชั่วคราว)ออกมาให้ข่าว ถึงมติวิปรัฐบาลที่จะไม่ยอมให้ พรรคฝ่ายค้านตั้งกรรมาธิการวิสามัญไปศึกษา สอบสวน  การสรรหา​ ส.ว. เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจของผู้แทนฯ​ ว่า นึกไว้ไม่มีผิดว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะต้องขัดขวาง คงเป็นเพราะกลัวว่า เมื่อตั้งกรรมาธิการไปศึกษาสอบสวนแล้ว ความจริงที่สะท้อนถึงความผิดปกติ และความฉ้อฉล  การเล่นพรรคเล่นพวกของการสรรหาส.ว.ซึ่งไม่ชอบด้วย รัฐธรรมนูญจะถูกเปิดเผยขึ้น  จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน
          
นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมาธิการไปศึกษาสอบสวนการสรรหา​ส.ว.เป็นหน้าที่โดยตรงของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตรวจสอบหาความจริง ขณะเดียวกันก็เป็นการตรวจสอบ  การทำหน้าที่ของกรรมการสรรหา ส.ว.ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน มิใช่เป็นการสอบสวนคุณสมบัติส.ว.ตามที่นายวิรัชกล่าวอ้าง ซึ่งมาแนวเดียวกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งหลังจากออกมาให้สัมภาษณ์แล้วถูกตอบโต้จากหลายฝ่าย นายพรเพชรก็เงียบไป
         
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า การสรรหาส.ว.ที่คสช.ปกปิดคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ไม่เปิดเผยหลักเกณฑ์และวิธีการในขั้นตอนต่างๆให้ประชาชนทราบ อยู่ๆก็พรวดพราดประกาศชื่อส.ว. ออกมาเลย  การดำเนินการนอกรีตนอกรอยกำลังเป็นที่ฉาวโฉ่ ไปทั่วประเทศ เปรียบเหมือน “ช้างตายทั้งตัว จะเอาใบบัว ไปปิด” ซึ่งไม่มีวันที่จะปิดได้มิด สังคมกำลังต้องการรับรู้ความจริง วิปรัฐบาลอย่ามาขัดขวาง  เพราะจะยิ่งทำให้ ประชาชนไม่พอใจ และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทนไม่ไหวกับความฉ้อฉล  อาจแสดงปฏิกิริยาจนรัฐบาลไม่สามารถต้านทานได้ 
          
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาบรรจุญัตติของฝ่ายค้านเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯเพื่อตั้งกรรมาธิการไปศึกษาและสอบสวน ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ให้กระทำได้ อย่าได้บิดเบี้ยว ไปจากทำนองคลองธรรม เพียงแค่จะปกป้องความไม่ชอบมาพากลในการสรรหาส.ว.ของคณะกรรมการสรรหาฯซึ่งเกี่ยวพันไปถึงคสช.เพราะอาจจะกลายเป็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ร่วมมือกับคสช.และรัฐบาลโดยไม่นำพาต่อผลเสียหายของระบบการเมืองไทย 

“คารม”ไม่สบายใจล็อคตัว ส.ว.เป็นประธาน กมธ.ร่างข้อบังคับ 

นายคมรม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกคณะกรรมาธิการร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เผยถึงข้อกังวลจากการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่25มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งได้ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกวุฒิสภาเป็นประธาน



โดยนายคมรมสะท้อนว่าเมื่อวานนี้ที่มีการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมาธิการ ได้ตั้งข้อสังเกตเมื่อมาไล่ดูแล้ว ในแง่ของพรรคการเมือง ส.ส.มีจำนวนเยอะกว่า ส.ว.ก็จริง แต่เมื่อรวม ส.ว.เข้ากับพรรคที่เป็นฝ่ายรัฐบาลแล้ว กลายเป็นว่ามีฝั่งเดียวกันกับ ส.ว.รวมแล้วเยอะกว่าที่เป็นพรรคการเมือง เมื่อวานจึงเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกับการคุยกันไว้ล่วงหน้ามาก่อน ทำให้ได้ประธานคณะกรรมาธิการคือ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร กลายเป็นว่าเราได้ประธานกรรมาธิการมาจากคนที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา

ซึ่งในการนี้ ตนต้องเน้นย้ำว่าตัวเองไม่มีอะไรติดใจในแง่ของส่วนตัว แต่โดยหลักการไม่ควรให้ประธานคณะกรรมาธิการมาจากสมาชิกวุฒิสภา เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าวุฒิสภามาจากการเลือกของ คสช. จึงเหมือนกับว่าสุดท้ายแล้วประธานกรรมาธิการก็คือ คสช.เลือกมา ตามหลักการมันก็ไม่ถูกต้อง สุดท้ายเหมือนกับว่าพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไปยอมให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับที่จะต้องใช้ร่วมกันของทั้งสองสภา เหมือน ส.ส.ยอมให้ ส.ว.รุกคืบเข้ามาแม้กระทั่งในคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับฯ

นายคมรมระบุต่อว่าในฐานะที่เป็นกรรมาธิการร่วมยกร่างคนหนึ่ง ส่วนตัวแม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ให้เกียรติกันได้ แต่ถามว่ามันสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่สอดคล้อง

ส่วนบรรยากาศในการประชุมเมื่อวานนี้ นายคารมเผยว่ายังเป็นไปด้วยดีอยู่ กรรมาธิการบางท่านก็ยึดหลักการประชาธิปไตย ส่วนตัวแม้จะมีเรื่องไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการรุกคืบของ ส.ว. แต่การประชุมเมื่อวานนี้ตนก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป เพราะไม่อยากให้เกิดบรรยากาศที่ไม่สบายใจในการทำงานร่วมกัน แต่สิ่งที่ตนพูดวันนี้ คือต้องการสะท้อนให้เห็นว่ามีคำถามเกิดขึ้นเยอะสิ่งที่กำลังเป็นไปในขณะนี้

“สิ่งที่อยากฝากถึงท่านประธาน ก็คืออยากให้ท่านเปิดกว้าง อยากให้ในใจของท่าน 50% ต้องเทให้ฝั่ง ส.ส.ที่เป็นฝ่ายค้านมากกว่าฝั่งสมาชิกสุฒิสภา ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน อยากให้ท่านตรึกตรองทุกเรื่อง ให้การทำงานของสภาภายในข้อบังคับ ต้องมองเห็นในส่วนของ ส.ส.ด้วย” นายคมรมกล่าว

โดยตัวบุคคลเราเคารพ แต่โดยหลักการเราพูดว่ามันไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย

ซึ่งวันนี้ในฐานะ ส.ส.ต้องแสดงจุดยืน หากการรุกคืบเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้เราก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เราต้องพูดโน้มน้าวไปถึง ส.ส.ทุกคน แม้กระทั่ง ส.สฝ่ายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชี้ให้เห็นว่ามันไม่เหมาะสม ฝ่ายที่เป็นวุฒิสภาก็ต้องตระหนักว่าสิ่งใดที่ทำได้หรือทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่ต้องคิดคือการมองไปข้างหน้า และให้สะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุคคลไม่ควรคบยามสูงวัย

การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธร...