วันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2564 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง แนวความคิดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะยกเลิกการรักษาฟรีให้คนทำผิด ติดเชื้อลอบเข้าเมือง ว่า กรณีดังกล่าวถ้าจะยึดหลักการใครทำผิดจะต้องรับผิดชอบนั้น ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามความรู้สึกของคนทั่วไป แต่สำหรับสำหรับคนไทยการรักษาพยาบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 ซึ่งได้บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิ์ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติบุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับการป้องกัน และขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ถ้าหากรัฐบาลปฏิเสธการรักษาพยาบาลหรือผลักภาระให้กับผู้ป่วย ก็จะมีปัญหาตามมามากมาย ถ้าผู้ป่วยเหล่านั้นมีฐานะเป็นคนยากจน ไม่มีกำลังเงินในการใช้จ่ายรักษาพยาบาล ก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้ และอาจจะทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายออกไปยังบุคคลอื่นๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
ถ้าหากคุณอนุทินจะผลักดันแนวความคิดนี้จริง อยากให้แยกแยะพฤฒิกรรมของบุคคลออกจากกัน ระหว่างการทำผิดจากบ่อนการพนัน และการหลบหนีเข้าเมือง กับสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ และหลักมนุษยธรรม ก็อยากให้คิดอย่างรอบคอบถึงผลเสียที่ตามมาในหลายด้าน เช่น
1.จะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 หรือไม่
2.จะขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือไม่
3.จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากยิ่งขึ้น หรือไม่
ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีประชาชนคนใดที่ต้องการอยากจะป่วย หรืออยากติดเชื่อไวรัสโควิด-19 เพื่อแลกกับการรักษาพยาบาลฟรีจากรัฐบาล เพราะมนุษย์ทุกคน รักชีวิตรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น แต่เมื่อเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาพยาบาล และถ้าเป็นคนที่มีฐานะทางการเงินดี สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ก็จะรักษาพยาบาลในโรงบาลชั้นดี แต่ถ้าเป็นคนฐานะยากจน ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ก็เป็นภาระความรับผิดชอบของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อยากให้สังคมตั้งข้อรังเกียจกับคนบางกลุ่มที่ติดเชื่อโควิด-19 ไม่ว่าจะติดเชื้อมาจากบ่อน หรือจากต่างประเทศก็ตาม ต้องคิดว่าทุกคนคือคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับความถูกใจ จะต้องชั่งนำ้หนักให้ดีว่า จะเลือกแนวทางไหนดีกว่ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น