วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2565

"สมศักดิ์" เตรียมเชิญลูกหนี้ 95,850 ราย ไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือนกับ 16 สถาบันการเงิน

 


"สมศักดิ์" แถลงจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 25-26 ก.พ. ไบเทคบางนา "มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน" เชิญลูกหนี้ 95,850 ราย สถาบันการเงิน 16 แห่ง ชวนทุกคนร่วมงานอย่าทิ้งโอกาส เตรียมเดินสายต่อให้ครบทั่วประเทศ ยันนายกฯต้องการช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน เดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำคดีรุนแรงทันใช้ปีนี้ มั่นใจกฎหมายใหม่-กำไล EM ช่วยคุมพฤติกรรมคนร้ายได้ สะท้อนภาครัฐไม่นิ่งเฉยแก้ปัญหาอาชญากรรม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565   ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยมี ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม  น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ คณะกรรมการประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ. และ นายโฆสิต สุวินิจจิต ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาและบูรณาการเครือข่ายภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าปีนี้เป็นปีแห่งการแก้หนี้สินครัวเรือน ต้องช่วยเหลือประชานทุกภาคส่วน นายกฯได้กำหนดนโยบายเป็น 8 กลุ่ม โดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. แก้ปัญหาหนี้ กยศ. 2. การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 3. แก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์ (ลิสซิ่ง) และ 4.ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม อำนวยความสะดวกการไกล่เกลี่ย ซึ่งภารกิจตรงนี้เป็นภารกิจหลักของกระทรวงยุติธรรมที่จะช่วยภาครัฐ เราจึงได้จัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนขึ้นมา ในวันที่ 25-26 ก.พ. 2565 ที่ไบเทค บางนา มีเป้าหมายการเชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน 95,850 ราย และสถาบันการเงิน 16 แห่งคือ 1. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 2. ธนาคารออมสิน 3.บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด 4. ธนาคารเพื่อการเกษตรและและสหกรณ์การเกษตร 5. บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด 6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 7. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) 9. ธนาคารซิตี้แบงก์ 10. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 11. บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 12. บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด 13. บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด 14. บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด 15. บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) และ16. บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด

 "สิทธิประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับเบื้องต้น คือ 1. การขยายเวลาการชำระหนี้ 2. การลดเบี้ยปรับ การลดดอกเบี้ย การลดค่างวดรายเดือน 3. ไม่ถูกฟ้องคดี 4. งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และ 5. สิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย 

การไกล่เกลี่ยนี้ทำถูกต้องตามกฎหมาย มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงอยากให้ทุกท่านมาร่วมงาน และควรมาด้วยตัวเองเพื่อชี้แจงเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้เห็นอกเห็นใจอยู่แล้ว อยากให้ทุกท่านมาร่วมงานนี้เพราะเราเป็นเพื่อนกัน นายกฯไม่ปล่อยให้ท่านลำบาก เมื่อมาจะสามารถมาต่อรองการผ่อนชำระได้ เพราะหากไม่มาท่านก็จะร้อนใจ และหากผิดชำระก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย เราก็จะช่วยท่านไม่ได้ท่านก็ต้องช่วยตัวเอง โดยเราจะเดินหน้าจัดงานไปทุกภาคทั่วประเทศ และผมจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมด้วยให้มากที่สุด มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน" นายสมศักดิ์ กล่าว

นางทัศนีย์ กล่าวว่า กรมบังคับคดี รับผิดชอบการไกล่เกลี่ยหนี้หลังคำพิพากษา ซึ่งได้มีหนังสือเชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน ทั้งสองวันรวม 47,260 ราย ยอดหนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยการลงทะเบียนของผู้เข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ พร้อมสแกน QR Code ที่จะมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผ่านสื่อต่าง ๆ ทางสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุ และโทรทัศน์ในครั้งนี้ ส่วนสำหรับการตรียมพื้นที่เราได้มีการจัดเตรียมสถานที่ สำหรับผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ มีมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จุดตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิ การแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน อย่างน้อย 2 เข็ม หลักฐานการตรวจโควิด ATK หรือ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง กรณีไม่มีหลักฐาน สามารถตรวจ ATK ณ จุดตรวจ ก่อนเข้างาน การรักษาระยะห่าง โดยเว้นระยะห่างตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีกลุ่มเป้าหมายลูกหนี้ก่อนฟ้อง ของกยศ. และสถาบันการเงิน รวมทั้งสิ้น 48,590 ราย วงเงิน 4,186 ล้านบาท และได้เชิญศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนใน กทม. 234 ศูนย์มาร่วมให้บริการ เราหวังลดภาระให้ประชาชน และให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยทั่วประเทศ 722 แห่ง โดยเป็นของภาคประชาชน 640 แห่ง ของภาครัฐ 82 แห่ง

 

"สมศักดิ์" เดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำคดีรุนแรง  

นายสมศักดิ์ รับมอบดอกไม้แสดงความขอบคุณการริเริ่มผลักดันร่าง พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง จากกลุ่มนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ปปร.25 นำโดย น.ส. ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสปช.


นายบุญเลิศ กล่าวว่า เราไม่เคยมีกฎหมายลักษณะแบบนี้มาก่อน ทำให้ไม่มีพลังขัดขวางลดการกระทำผิดของผู้เคยรับโทษ ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อสังคม พวกเราหวังว่าจะสามารถลดการกระทำผิดซ้ำและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมได้ และหวังอีกว่าจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเพื่ออุดช่องว่างการแก้ปัญหาอาชญากรรม


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในตอนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม คนคาดหวังตนน้อยมากเพราะไม่ได้จบทางด้านกฎหมาย แต่ตนก็ศึกษาจนเข้าใจและหาผู้รู้มาช่วยกันคิดกันทำ จุดเริ่มต้นของการทำกฎหมายนี้เพราะมีหลายกรณีที่เกิดขึ้นจนสังคมวิพากษ์วิจารณ์หาว่าภาครัฐนิ่งเฉย เช่น กรณีนายสมคิด พุ่มพวง ที่พ้นโทษจากคดีฆ่าผู้หญิง 5 ศพ แล้วออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ตนจึงให้ทีมงานค้นข้อมูลว่าประเทศที่เจริญแล้วทำอย่างไรบ้างในการป้องกันเรื่องแบบนี้ ตนจึงได้พบว่ามีกฎหมาย เมแกน ลอว์ ของสหรัฐอเมริกา ที่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคนร้ายอยู่ที่ไหน ก็จะไม่มีคนตาย ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีอาสาสมัครคุมประพฤติ จับตาดูผู้ที่เคยก่อเหตุคดีลักษณะดังกล่าว และมีการควบคุมโดยใช้กำไล EM และเราจึงเขียนกฎหมายขึ้นมาเพื่อกำกับการทำงานให้เหมาะสม


"การผลักดันกฎหมายนี้ผมไม่กังวลอะไรใดใดทั้งสิ้น เพราะผมยึดประโยชน์ของประชาชนและสังคมเป็นหลัก ผมจะพยายามทำกฎหมายฉบับนี้ให้เสร็จในสมัยรัฐบาลนี้เพื่อมีเครื่องมือเพิ่มเติมไว้รักษาความปลอดภัยเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก และเชื่อว่าถ้าสังคมรับรู้ว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ในสังคมนั้นก็จะไม่มีคนตายอีก ผมอยากให้ ปปร.25 ส.ส. และสังคมร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้ ส่วนการทำงานของผมจะเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพราะใช้งบประมาณและบุคลากรไม่เยอะ เราพยายามสะท้อนปัญหาระดมสมองกำกับนโยบายเพื่อเดินไปข้างหน้า " นายสมศักดิ์ ระบุ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"พวงเพ็ชร" มาแล้วมอบสำนักพุทธจับมือ "พม." ตรวจสอบ พ่อ-แม่ ‘น้องไนซ์ เชื่อมจิต’ หากเข้าข่ายหลอกลวง ปชช. สั่งฟันทันที

เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567 นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาส...