วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2565

ว่าที่ผู้สมัครนายกสภาทนายความ ยัน “กัญชา” ยังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายอยู่



  ว่าที่ผู้สมัครนายกสภาทนายความ  ยัน “กัญชา” ยังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายอยู่  "ศุภชัย" ยกกม.ยัน ปลูกใช้รักษาโรคได้ "นิพิฏฐ์" โพสต์เตือน กัญชาเสรีระวังคุก

วัน15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง ว่าที่ผู้สมัครนายกสภาทนายความ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า  ขณะนี้ “กัญชา” ยังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายอยู่


แม้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 เป็นต้นมา และมาตรา 29 (5) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดจะยกตัวอย่างของยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพียง 1 ตัวอย่าง คือพืชฝิ่น ก็ตาม


โดยมีเหตุผลในการตีความกฎหมายหลายข้อตามความเห็นของผู้เกี่ยวข้องที่ปรากฏในสื่ออยู่แล้ว แต่การตีความดังกล่าวอาจมีข้อโต้แย้งอยู่บ้าง และบุคคลทั่วไปอาจเข้าใจได้ยากอยู่หน่อย


ผู้เขียนขอเพิ่มเติมเหตุผลอีกข้อหนึ่งคือ ข้อความในมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาล บัญญัติว่า ภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใช้บังคับแล้ว (คือวันที่ 9 ธันวาคม 2564) การอนุญาตให้นำเข้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นกัญชา ให้นำเข้าได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์ (โดยมีข้อยกเว้นอยู่ 3 ข้อ) ดังนี้


มาตรา 23 ในวาระเริ่มแรกภายในระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ การอนุญาตนำเข้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือการรักษาผู้ป่วยตามมาตรา 35 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้นำเข้าได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์

ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่กรณีดังต่อไปนี้ 


(1) ผู้ขออนุญาตเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือมีหน้าที่ให้บริการทางการแพทย์ เภสัชกรรม หรือวิทยาศาสตร์ หรือมีหน้าที่ให้บริการทางเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือเภสัชกรรม หรือหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย


(2) ผู้ขออนุญาตเป็นผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องนำยาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นกัญชาติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อใช้รักษาโรคเฉพาะตัว 


(3) ผู้ขออนุญาตซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาตามมาตรา 35 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้

อนึ่ง ผู้มีอำนาจอนุญาตให้นำเข้าคือ เลขาธิการ อย. หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ อย. ตามความในมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด

ปัจจุบัน“กัญชา” จึงยังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่ครับ


วัส ติงสมิตร

อดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ

อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา


"ศุภชัย" ยกกม.ยัน ปลูกใช้รักษาโรคได้ "นิพิฏฐ์" โพสต์เตือน กัญชาเสรีระวังคุก


นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐสภา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า "ขอบคุณที่ยืนเคียงข้างประชาชน การที่ผมออกมาให้ข่าวเรื่องประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2564 ซึ่งไม่มีชื่อของกัญชาอยู่ในกฎหมายที่แปลว่า กัญชา ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป แต่กลับมีการจับกุมลงโทษ โดยอ้างอำนาจตามกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ซึ่งไม่ควรจะทำได้ เพราะผมทนเห็นประชาชน คนยากคนจนต้องถูกกระทำ ผมจึงต้องออกมาเพราะผมเป็นผู้แทนราษฎร ตัวแทนของประชาชน"

          

นายศุภชัยโพสต์ต่อว่า "แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวของผมทำให้สังคมได้ออกมาขบคิดถึงสถานะของกัญชา ณ ปัจจุบัน ว่าอยู่ในจุดไหน สำหรับผมและพรรคภูมิใจไทย กัญชา คือ ยารักษาโรคและยาแก้จน ว่ากันตามกฎหมายแล้ว เมื่อ 'กฎหมายแม่' ระบุว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เรื่องของการจับกุม ผู้ป่วยที่ปลูกไว้รักษาตัวเอง ก็ควรจะหมดสิ้นไปเสียที เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายยาเสพติดฉบับปัจจุบัน ก็ชัดเจนว่า ให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพรและเป็นพืชเศรษฐกิจ จึงทำให้ไร้ชื่อกัญชาในฐานะยาเสพติด ขณะที่มาตรา 8 ก็ระบุชัดเจนว่า หากจะต้องนำระเบียบ ประกาศ ฯลฯ มาใช้ ก็ขอให้ดูประมวลกฎหมายเป็นหลักจะบังคับใช้ให้ขัดแย้งกันมิได้"

          

นายศุภชัยโพสต์ว่า กฎหมายระบุไว้ว่า บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติด ท้ายพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ ไม่ขัด หรือแย้งกับประมวลยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้ แต่พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐบางท่านมีความเห็นที่ต่างออก ไปยกเอากฎหมายตั้งแต่ปี 2522 มาจับ แล้วมาอ้างว่าเพราะกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้ออกประกาศ ระเบียบ ฯลฯ บังคับใช้ ซึ่งก็ถูกต้อง แต่ผิดหลักการ เพราะมาตรา 8 ในกฎหมายฉบับใหม่เขียนไว้ชัดว่า การจะยกเอาระเบียบ ประกาศ มาใช้ได้ ก็ต่อเมื่อไม่ขัดกับประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับปัจจุบัน

          

นายศุภชัยระบุอีกว่า "หลักการของผมถูกต้อง แต่ที่ผ่านมาเหมือนผมและพรรคภูมิใจไทยสู้อย่างโดดเดี่ยว กระทั่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีผู้รู้จริงด้านกฎหมายหลายท่านออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ซึ่งผมและพรรคภูมิใจไทยต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ท่านออกมายืนเคียงข้างประชาชนและผู้ป่วย ทั้งท่านวิชา มหาคุณ และท่านวันชัย บุนนาค ความรู้ที่ท่านนำเสนอแก่สาธารณะ น่าจะช่วยสะกิดเตือนเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ไปจนถึงการเป็นแสงสว่างด้านกฎหมายให้กับประชาชน ขอบคุณท่านวิชาที่ช่วยตอกย้ำว่า หลักการ การบังคับใช้กฎหมายที่ถูกต้องยุติธรรม ขอบคุณท่านวันชัยที่ออกมาย้ำสถานะของกัญชาว่าไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว ทำให้เรามีความมั่นใจที่จะขับเคลื่อน ปลดล็อกกัญชาต่อไป ประโยชน์ของกัญชาจะต้องตกแก่ประชาชนครับ"

          

"เรื่องนี้ไม่มีใครแพ้หรือใครชนะ หากแต่ควรคิดว่าประชาชนจะได้ประโยชน์หรือไม่ สำหรับนักการเมืองบางท่านที่ยังมีแนวคิดคัดค้านกัญชา ชนิดว่าออกมาให้ข่าวเหน็บแนม สร้างความกลัว แทนที่จะช่วยเหลือสร้างโอกาสให้ประชาชน แต่กลับทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ทั้งที่นี่คือโอกาสในการรักษาโรค โอกาสในการสร้างรายได้ ก็ขอให้สำนึกบทบาทด้วยว่า หน้าที่ของท่านคือขัดขวางหรือสร้างโอกาสให้กับประชาชนกันแน่" นายศุภชัยระบุ พร้อมติด #ปลดล็อกกัญชา

          

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องของกัญชาด้วยว่า "กัญชาเสรีจริงหรือ บ้านเมืองนี้ เป็นอะไรไปแล้ว" ก่อนจะระบุว่า อ่านข่าว ส.ส.พรรคภูมิใจไทยแถลงข่าวว่า ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมายแล้ว หากใครถูกจับให้มาบอกจะช่วยเหลือ ทันทีที่พรรคภูมิใจไทยแถลงข่าว รองเลขาธิการ ป.ป.ส.ก็ออกมาโต้ทันทีว่า กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ ใครปลูกต้องได้รับอนุญาตตามเงื่อนไข หากไม่ได้รับอนุญาตจะต้องถูกจับดำเนินคดีทันที

          

"นี่ปาหี่ระดับชาติเลยนะครับ แปลกที่ปาหี่ระดับนี้ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเงียบกันทั้งประเทศ ปล่อยให้ประชาชนไปเผชิญชะตากรรมกันเอาเอง ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเข้าไปก็เป็นใบ้ ส.ส.ท่านใดเป็นกรรมาธิการบ้างล่ะครับ สื่อลองเอาชื่อมาเปิดเผยหน่อย แล้วลองไปถามให้ตัวแทนเหล่านั้นให้เปิดปากหน่อย ผมว่า ส.ส.ที่เป็นกรรมาธิการ บางคนก็ไม่น่าจะรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ เข้าประชุมก็ไปเซ็นชื่อเอาเบี้ยประชุมกัน แล้วประชาชนอย่างเราจะเอาไงดีครับ เมื่อ ส.ส. ผู้ออกกฎหมาย กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย มีความเห็นต่างกัน หรือเราจะยอมให้เขาหลอกไปวันๆ บ้านเมืองนี้ แปลกนะครับ" นายนิพิฏฐ์โพสต์

          

นายนิพิฏฐ์โพสต์ตอนท้ายว่า ขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าลองกฎหมาย ชีวิตมนุษย์ไม่ให้ลองใน 2 เรื่องคือ ยากับกฎหมาย ยานั้นให้ทดลองกับสัตว์ก่อนจนปลอดภัยแล้วจึงนำมาใช้กับมนุษย์ ส่วนกฎหมายนั้น ไม่ให้เอามนุษย์เข้าไปทดลองว่าถ้าทำอย่างนั้นจะผิดกฎหมายหรือเปล่า ประเทศเรานี่แปลก ให้ประชาชนทดลองยากันมาแล้ว นี่ให้ทดลองกฎหมายอีก

          

"ถามผมหรือครับ ผมอ่านกฎหมายที่ ส.ส.เขาออกมาแล้ว ผมขอตอบสั้นๆ ว่า ใครปลูกกัญชาเสรี เตรียมตัวเข้าคุกเลยครับ" นายนิพิฏฐ์ระบุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...