เดินหน้าชำแหละ นายกฯ - รมว.เกษตรฯ - อธิบดีปศุสัตว์ ปมโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร "เพื่อไทย" ใช้เวทีสภา ยื่นญัตติด่วน-กระทู้-ซักฟอก รัฐบาลไร้ความรับผิดชอบ ปกป้องผลประโยชน์พวกพ้อง ไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชน เล็งยื่น ป.ป.ช. เอาผิดซ้ำ
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2565 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย และ นายวิสุทธิ์ ไชณรุณ ส.ส.พะเยาและประธานคณะทำงานด้านนโยบายด้านวางระบบเกษตรด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงแนวทางการดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมปศุสัตว์ กรณีที่ปล่อยปละละเลยหรือมีพฤติกรรมปกปิดปัญหาการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดปัญหาหมูล้มตายจำนวนมากและหมูขาดตลาด จนราคาหมูพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้พี่น้องเกษตรกรและพี่น้องประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ปัญหาหมูแพงและโรคระบาดในสุกรเป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถนำไปสู่การล้มรัฐบาล เนื่องจากได้มีการปล่อยปละละเลยและมีพฤติกรรมในการปกปิดปัญหาโรคระบาด จนสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเกษตรกร เศรษฐกิจครัวเรือนพังพินาศ พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาทันทีที่สภาเปิดและจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการสร้างความเสียหายครั้งนี้
1. จะมีการยื่นญัตติด่วนต่อสภา เพื่อให้พิจารณาหามาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร พร้อมทั้งถามหาความรับผิดชอบจากนายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งตั้งกระทู้ถามสดถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้มีคำตอบที่ชัดเจนว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร และที่ผ่านมาใครเอาเท้าเหยียบไว้ถึงไม่สามารถบอกได้ถึงการระบาดของโรคในสุกร
2. ข้อมูลความผิดปกติเกี่ยวกับปัญหาโรคระบาดในสุกร จะอยู่ในญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะดำเนินการยื่นต่อสภาอย่างแน่นอน
3. หากกรณีนี้ไม่มีความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมไปถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ พรรคจะพิจารณายื่นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้มีการตรวจสอบและสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ร่วมกันก่อความเสียหายต่อบ้านเมืองในครั้งนี้ นอกจากนี้ในส่วนของข้าราชการประจำที่ร่วมกันปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายก็จะมีการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ปัญหาการระบาดของโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกรนั้นพรรคเพื่อไทยได้เรียกร้องมาตลอดให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไข แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลับนิ่งเฉย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2562 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในที่ประชุมสภาเรื่องการระบาดของโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ และคำตอบก็ไม่ได้บ่งชี้ว่ามีการยอมรับว่ามีการระบาดของโรค ต่อมา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ซึ่งติดตามปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่องก็ได้พยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2564 แต่ก็ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากเกิดการระบาดของโควิด-10 สายพันธุ์โอมิครอน
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปก็พบว่า ในเดือนเมษายน 2562 นายกฤษฎา บุญราช ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีประกาศถึงปัญหาการระบาดของอหิวาห์แอฟริกาในสุกรให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย แล้ววันนี้ก็มีหลักฐานออกมาชัดเจนถึงความพยายามปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโรค เพราะมีหนังสือของภาคีคณบดีคณะสัตว์แพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ เตือนถึงการระบาดของโรคนี้ แต่ภาครัฐกลับนิ่งเฉย ดังนั้นจึงต้องถามไปยังรัฐบาลว่าที่ไม่ยอมรับว่าการกระบาดของโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกรนั้น เพราะกลัวที่จะต้องเยียวยาให้กับเกษตรกร หรือต้องการปกปิด เพราะต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงหมู แล้วเหลือแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่หรือไม่
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับผิดชอบความเสียหาย ทั้งต่อเกษตรกรและความรับผิดชอบทางการเมือง โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องตอบให้ได้ว่า ไปอยู่ไหนมาถึงไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร เพราะหเหตุใดจึงปล่อยปละละเลยจนเกิดความเดือดร้อนกับพี่น้องเกษตรกรและประชานชน หรือเป็นความพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์พวกพ้อง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ยอมบอกความจริงปกปิดซ่อนเร้นการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) หรืออหิวาต์ในสุกร โดยยืนยันได้จากหนังสือราชการด่วนที่สุดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เรื่องขอเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าต่อสำนักงบประมาณ และสำนักงบประมาณ โดยได้ส่งหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้อนุมัติงบประมาณที่ 140.2 ล้านบาท
จากนั้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์ในสุกร ในรายละเอียดคือได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงการคลัง มหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ เร่งรัดตรวจสอบทำลายสุกรและหมูป่าที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค
จากนั้นในวันที่ 22 ธันวาคม 2564 สำนักงบประมาณ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องที่กรมปศุสัตว์ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า เป็นเงินงบประมาณ 1,779.8 ล้านบาท เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์ในสุกร โดยสำนักงบประมาณได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบงบประมาณทั้งสิ้น 574.2 ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นค่าชดใช้สุกรที่ถูกทำลายจากโรคระบาด
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า จากเอกสารทั้งหมดรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จะปฏิเสธว่าได้อย่างไรว่าไม่ทราบเรื่องโรคอหิวาต์ในสุกร เบิกเงินงบประมาณแผ่นดินออกมา แต่ปกปิดการระบาด สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นอย่างมาก ลักษณะแบบนี้เรียกว่าเบิกเงินเท็จหรือไม่ เรื่องนี้นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะได้ปรึกษากับฝ่ายปรึกษาฝ่ายกฏหมายของพรรคเพื่อพิจารณาเอาผิดพลเอกประยุทธ์และผู้เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมกับขอเสนอ
1.ปฏิวัติกรมปศุสัตว์ทั้งระบบ โดยตั้งแต่โรคลัมปีสกิน พรรคเพื่อไทยได้สะท้อนความเดือดร้อนของรัฐบาลบกพร่องความเสียหายจากลัมปีสกินจนลามมาถึงสัตว์ป่าติดเชื้อวันนี้ และจนถึงวันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคไม่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐ
2.ปรับโครงสร้างการเลี้ยงสุกร โดยบริหารแบบ managment คือการบริหารจัดการป้องกันโรค จัดระบบฆ่าเชื้ออย่างจริงจังทุกจุด หาก 3 ปีที่ผ่านมาของการรับาดอหิวาต์ในสุกร รัฐบาลยอมรับความจริง จะสามารถป้องกันโรคได้ แต่สุดท้ายตอนนี่หมูตายยกคอก เกษตรกรหนี้สินล้นพ้นตัวและอยากฆ่าตัวตาย
3.ฝ่ายการเมืองต้องใส่ใจมากกว่านี้ ครั้งก่อนรัฐบาลรับเรื่องลัมปีสกินไว้ บอกไว้ว่าจะผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลวอร์รูมหรือไม่ มีห้องแลป หรือ ทีมติดตามผลหรือไม่ จึงอยากให้รัฐบาลมีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่านี้ อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกมารับผิดชอบ ยอมรับความผิดพลาดและขอโทษประชาชน วันนี้ความเสียหายเฉพาะฟาร์มหมูเกินกว่า 2 แสนล้านบาท ยังไม่รวมความเสียหายของประชาชนที่ต้องซื้อหมูในราคาแพง ความเสียหายจากการส่งออกสินค้าหมูแปรรูปไม่ได้และถูกตีกลับทั้งหมด เช่น ไต้หวันส่งกลับกุนเชียงไทย เป็นต้น
4.เป็นความเสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลไม่ได้โกหกเพียงแค่เกษตรกรในประเทศ แต่ประเทศไทยกำลังโกหกคนทั้งโลก 35 ประเทศทั่วโลกยอมว่าเกิดโรคระบาดนี้ แต่ประเทศไทยโกหกคนทั้งโลกมาถึง 3 ปี เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงปล่อยให้ชื่อเสียงเกียรติภูมิประเทศไทยตกต่ำ
“ท่านทำกับบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร ถ้าผมเป็นนายกฯ วันนี้ผมลาออกแล้วครับ ผมอาย ในฐานะที่เป็นคนไทยผมอาย ไม่มีใครจะเชื่อถือประเทศนี้ได้แล้วน่าละอายมาก” นายวิสุทธิ์กล่าว
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า การระบาดของโรคอหิวาต์ในสุกร พรรคเพื่อไทยนำเสนอและบอกกล่าวต่อรัฐบาลในเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังบอกว่าไม่มีโรคระบาด ไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เอาแต่สั่งการ แต่ไม่รู้ว่าได้ปฏิบัติเพื่อการแก้ไขจริงหรือไม่ ข้อผิดพลาดอยู่ที่รัฐบาลปฏิเสธ เห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องธรรมชาติ หวังว่าเวลาจะช่วยทุกอย่างไม่แตกต่างจากการระบาดของโควิด-19 มาตลอด สุดท้ายแล้วไม่สามารถระงับยับยั้งปัญหาได้ รัฐบาลเอาแต่ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้ และปล่อยให้ความเดือดร้อนตกเป็นของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีความสงสัยว่า เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยเนื้อแท้ของพลเอกประยุทธ์ หรือเกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการเอื้อประโยชน์ต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งกันแน่ พรรคเพื่อไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่อย่างน้อยขอให้ภาครัฐนำข้อเสนอแนะที่เรานำเสนอไปจัดการช่วยเหลือประชาชนบ้าง
“คนไทยเข้าสู่ยุคของแพงแต่ชีวิตประชาชนราคาถูก ค่าครองชีพ ค่าจ้างแรงงานลดต่ำลง นี่คือปัญหาวิกฤตและความไม่สบายใจของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อพี่น้องประชาชน” นางสาวธีรรัตน์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น