วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

"ชทพ." เปิดปราศรัยสุพรรณครั้งที่ 2 "กัญจนา" เดือด! ฝากถึงพรรคใหม่รักษามารยาท



ชาติไทยพัฒนา เปิดเวทีปราศรัย "ประภัตร" ลั่นสุพรรณต้องแลนด์สไลด์ ส่ง "วราวุธ" เป็นนายกฯจากสุพรรณคนที่ 2 "กัญจนา" เดือด สุพรรณเมืองหลวงชทพ. ใครเข้ามาเราสู้ยิบตา ฝากถึงพรรคใหม่รักษามารยาททางการเมือง ลั่นมดเล็กๆ ตัวนี้ถ้ากัด กัดเจ็บ หัวหน้าพรรคขอเลือกทั้งคนทั้งพรรค เลือก ชทพ.ทั้งสองใบ ย้ำอภิปรายทั่วไป 152 เป็นประโยชน์ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ประชาชน ปัดตอบกระแสข่าวล่มประชุม ระบุรอหารือ ส.ส. 15ก.พ.นี้

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.40 น. ที่จ.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนาเปิดเวทีปราศรัยที่ทำการสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี นายอุดม โปร่งฟ้า กรรมการบริหารพรรค ขึ้นปราศรัย

นายประภัตร กล่าวว่า ด้วยการแบ่งเขตใหม่ เขตบางปลาม้าจะเป็นของณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ จากเดิมเป็นสรชัด สุจิตต์ ขอให้ทุกคนจดจำไว้ให้ดี และขอสดุดีนายบรรหาร ที่สร้างโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส ในหลายพื้นที่ หลายอำเภอ สุพรรณบุรีต้องเป็นหนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้ชัดว่าคนสุพรรณจะรักศิลปอาชา  รักพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ โดยพรรคชาติไทยพัฒนาต้องแลนด์สไลด์ในสุพรรณบุรี หลายพรรคก็พูดถึงคำนี้ เราต้องการให้พูดแลนด์สไลด์ กันทุกคนเพราะเป็นภาษาทางการเมืองถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็แปลว่า ชัยชนะแบบถล่มทลาย พรรคชาติไทยพัฒนาสุพรรณบุรีจะต้องไม่มีคนอื่น ส่งให้วราวุธเดินไปข้างหน้าได้  วันนี้มีคนอื่นจะเข้ามา ซึ่งตนไม่อยากเชื่อ เป็นพรรคที่อยู่ด้วยกันมาในรัฐบาล จะเอามาลงที่อำเภอบางปลาม้า ตนก็ไม่เชื่อ มีนักข่าวมาถามว่ามีพรรคอยู่ด้วยกันมาแล้วจะมาลงในพื้นที่ แต่สุพรรณบุรีพรรคชาติไทยพัฒนาต้องแลนด์สไลด์ และถ้าเราจะส่งวราวุธให้เป็นนายกรัฐมนตรีของสุพรรณบุรีคนที่2 เราจะต้องแลนด์สไลด์ 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เลือกตั้งคราวก่อนกัญจนาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ปีนี้วราวุธเป็นหัวหน้าพรรค ในอดีตสุพรรณบุรี กับทุกวันนี้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะคนที่ชื่อบรรหาร ในวันนี้ลูกหลานนายบรรหารและพรรคชาติไทยพัฒนาจากสืบสานต่อไป เลือกตั้งครั้งนี้เราใช้บัตรสองใบ คือผู้สมัคร และบัญชีรายชื่อ คะแนนที่ต้องการในบัญชีรายชื่อเยอะมากกว่าจะได้หนึ่งที่นั่ง 3.5แสน ขอให้ชาวสุพรรณช่วยไหนวราวุธเข้าสภา และขอยก5เขตยกทั้งจังหวัดเข้าสภา

กัญจนาเป็นผู้แทนมาตั้งแต่ 38 พ่อสอนเสมอว่าเรามีศัตรูหนึ่งคนก็เยอะไป มีมิตร 100 คนก็น้อยไป บรรหารจะไม่เป็นศัตรูกับพรรคการเมืองไหน เป็นเหตุให้พ่อมีมิตรทางการเมืองมากมาย พ่อถือเป็นมารยาททางการเมืองที่จะไม่ส่งผู้สมัครลงในพื้นที่ ที่เป็นหัวใจของพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาพ่อถือเป็นมารยาทของพ่อ และพรรคการเมืองหลายพรรคเป็นเช่นนี้ พ่อจึงได้ฉายาว่า มังกรการเมือง แม้จะอยู่ตรงไหนก็มี มิตรทางการเมืองด้วยการกระทำของพ่อเยี่ยงนี้ การเลือกตั้งปี62 มีการแข่งขันรุนแรงในเขตประภัตรตอนนั้นคู่แข่งขันคืออาจองชัย เกิดจากการเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ ทำให้แข่งขันกัน ดังนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ได้เป็นเจตนารมย์ของพรรคการเมืองที่นายจองชัยไปสังกัดช่วงนั้น ที่จะส่งผู้สมัครมาแข่งกับเรา เรื่องนั้นจบไปแล้ว และบัดนี้ประภัตร จองชัยก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อชาติไทยพัฒนา"

"แต่ปี66 การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ทราบมาว่ามีพรรคการเมืองตั้งใหม่พรรคหนึ่งพยายามเหลือเกินที่จะแสวงหาที่สมัครมาแข่งกับพรรคชาติไทยพัฒนาในหลายเขต จึงอยากบอกว่ามันเสียมารยาทมาก มากที่สุดคือมาทาบทามเอาน้องชายแท้ๆ ของนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ไปลงในเขต1แข่งกับสรชัด นี่ในทางการเมืองถือว่าเสียมารยาทมาก เอาเถอะค่ะ ท่านมาเราก็สู้ และเราสู้ยิบตาด้วย แม้เราจะเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ เทียบกับท่านที่มีอำนาจบารมีมาก แต่เราเป็นมด ที่ถ้ากัดเรากัดเจ็บนะคะ

"กัญจนาขอรำพึงดังๆ ไปถึงผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่กัญจนาเคารพรักถือ และยังเคารพนับถืออยู่ทุกวันนี้  ผู้ใหญ่ท่านนั้นให้ ความเมตตากับวราวุธ กัญจนา และพรรคชาติไทยพัฒนามาโดยตลอด ให้เรามีพื้นที่ทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งกัญจนาและวราวุธขอบพระคุณมาก และทุกครั้งเวลาวราวุธหรือท่านประภัตรไปทำงานก็จะให้เครดิตท่านเสมอมา ระลึกในคุณของท่านที่ให้โอกาส วราวุธ ประภัตร และพรรคชาติไทยพัฒนาได้ทำงาน จึงอยากฝากกราบไปถึงผู้ใหญ่ท่านนี้ว่า ท่านอยากฟังคนรอบข้างให้มากนักในเรื่องการเมือง ถ้าท่านฟังมาก วันนึงถ้าท่านเลี้ยวกลับมาดูรอบตัว ท่านอาจจะไม่เหลือมิตรสักคนหนึ่ง อยากจะบอกว่าน้ำใสใจจิงที่เรามีให้กันมันคุ้มไหมคะ กลับการที่ท่านจะส่งคนมาสมัครแข่งขันกับเรา ในพื้นที่ที่เป็นเมืองหลวงของเรา เพราะถึงอย่างไรในบ้านเราเราจะไม่แพ้อย่างแน่นอน นอกจากเราจะไม่แพ้แล้วเราจะต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ด้วย แต่สิ่งที่ท่านจะเสียไป คือน้ำใสใจจิงที่เรามีให้ท่านตลอดมา ขอรำพึงดังๆแบบนี้ท่านจะได้ยินหรือไม่ ไม่เป็นไร แต่ขอให้ชาวบางปลาม้า ชาวสุพรรณบุรีทุกคน ได้ยินว่า ไม่ว่าใครจะมา ถ้าไม่ได้ใส่เสื้อพรรคชาติไทยพัฒนา เราจะไม่เลือกเขา อย่างที่ท่านประภัตรพูด ในอดีตที่ผ่านมาสุพรรณบุรีมีแต่พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เคยมีพรรคอื่นก็ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ใครอาจหาญเข้ามาเราสู้ มาเลย เราเลือดสุพรรณสู้ยิบตา"

ด้านนายวราวุธ ปราศรัยบนเวทีว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 พื้นที่จ.สุพรรณบุรี มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8 แสน แต่พบว่ามี 1 แสนคนกาคะแนนเลือกพรรคอื่น ซึ่งคะแนน 20%  ที่เลือกพรรคอื่น ตนขอถามว่ามีพรรคไหนมาทำงานในพื้นที่จ.สุพรรณบุรี หรือไม่ ซึ่งไม่เคยมีโดยพื้นที่ อ.บางปลาม้าที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องน้ำ มีแค่นายณัฐวุฒิและพรรคชาติไทยพัฒนาที่ช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ในการแก้ปัญหา วันที่ 8 มีนาคม หน่วยงานที่เกี่่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา พร้อมกับประชาชนจะหารือเพื่อการแก้ไขปัญหาระยะยาว ทั้งการขุดลอกคูคลอง สร้างเขื่อนกั้นน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอีก  แม้นโยบายของพรรคไม่หวือหวา แต่ยั่งยืนได้คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาในอนาคต  

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือกคน และเลือกพรรค ตนขอให้เลือกผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคด้วย   ส่วนพรรคอื่นที่จะมาตนไม่กลัว เพราะคนบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรีจะพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้งมีคนที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ตนฐานะลูกหลานคนสุพรรณบุรี สัญญาว่าหากได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะไม่แพ้พรรคหรือจังหวัดใดแน่นอน

นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยตอนหนึ่งบนเวทีว่า ตนขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงจะเป็นการเปิดใจทางการเมืองครั้งแรกของตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ที่ไหนเพื่อใหรับรู้กันโดยทั่วไปว่ามีอะไรเกิดขึ้น ประการแรก มีคนมาพูดคุยจริง จะขอให้ตนย้ายพรรค ตนบอกว่าจะไม่ยอมย้ายไปไหน เพราะสุพรรณบุรีต้องชาติไทยพัฒนา เพราะรู้ดีว่างานในจังหวัดจะส่งผลถึงลูกหลานไปอีกนาน จะต้องปฏิรูปแก้ไข สิ่งที่นายบรรหารทำไว้ สานต่อ และที่ผมอภิปรายทุกครั้งในสภาฯ ผมไม่เคยเอ่ยชื่่อเขาในสภาฯ เลยพูดถึงแต่ตำแหน่ง ตนไม่ศรัทธาในตัวผู้นำที่จะสนับนุนพรรคนั้นและที่สำคัญที่สุด คนที่จะสนับสนุนพรรคนั้นเป็นคนที่ตนไม่ชอบเลย 

"วราวุธ” ย้ำอภิปรายทั่วไป 152 เป็นประโยชน์ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ประชาชน 

นายวราวุธ  ฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันที่  15 -16 กุมภาพันธ์  ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าววว่าพรรคแกนนำรัฐบาลล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลให้ไม่ร่วมประชุม ว่า การอภิปรายแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายค้านจะตั้งข้อสังเเกต และรัฐบาลทำหน้าที่ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อสังเกตเหล่านั้นให้ประชาชนทั่วประเทศ ได้รับรู้ เพียงแต่บางครั้งการอภิปรายของฝ่ายค้าน อาจจะดุเด็ดเผ็ดมันส์ต้องรักษามารยาทให้อยู่ในองค์ประชุมตามกรอบข้อบังคับอย่าเลยเถิดไปถึงบุคคลภายนอก ทั้งนี้ตนคิดว่าเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายการล่มมองค์ประชุมหรือไม่นั้นคนที่่เสียโอกาสคือประชาชน อย่างไรก็ตามตามมธรรมเนียมของพรรคชาติไทยพัฒนา นั้นก่อนการอภิปรายครั้งใดเราจะเรียกประชุม เวลา 09.00 น. และ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยส.ส.ของพรรคทั้งหมดจะเข้าประชุม  เช่นกัน และจากกรณีกระแสข่าวทำให้สภาฯ ล่มนีั้น เราคงต้องหารือในที่ประชุมของพรรคก่อน เพราะผู้ใหญ่แต่ละคนมีควาคิดและเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ที่สุดแล้ว ทิศทางของพรรคไปในทิศทางเดียวกัน  

เมื่อถามย้ำว่าแกนนำรัฐบาลขอรร้อง ไม่ให้พรรคชาติไทยพัฒนาร่วมเป็นองค์ประชุมมีจุดยืนอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัมนาเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค จะตอบคนเดียวไม่ได้ ต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคก่อน ย้ำว่าการเปิดอภิปรายเป็นประโยชน์มากกว่า ทั้งประชาชน ฝ่ายค้านและรัฐบาล 

เมื่อถามว่า หากมีเหตุกรณ์ดังกล่าวว่า เกิดขึ้นจริง จะกิดผลสะท้อนทางการเมืองอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า หากมีการอภิปรายในสภาฯ เราจะสามารถใช้เป็นเวทีตอบคำถามได้ แต่หากไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้นจะเอาเวทีไหนมาตอบคำถามให้สังคมทราบ  อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยพัฒนาทำงานโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น หากฝ่ายค้านตั้ งข้อสงสัยหรืออภิปรายเรื่องตนยินดีตอบทุกเรื่อง หากไม่มีเวทีจะไปตอบที่ไหน แน่นอนว่า ความผิดพลาดในการทำงานย่อมมีเกิดขึ้นเพราาะหากไม่มีเลยแสดงว่าไม่ได้ทำงาน แต่อยู่ที่ว่าเกิดความผิดพลาดแล้วแก้ไขอย่างไร จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้อยางไรเป็นหัวใจสำคัญ ยืนยันว่า ตลอดเวลา 3-4ปีที่ทำงานมาไม่มีเรื่องทุจริต 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ส.ว.จะขัดขวางไม่ให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกฯ นายวราวุธ กล่าวว่า  เชื่อว่าแต่ละคนมมีความคิดแตกต่างกันไปเมื่อการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ประชามติของประชาชนกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศ หรือ 52 -53 ล้านคนนั้น จะเป็นตัวชี้ว่า อยากได้พรรคการเมืองใด บุคคลใดเป็นนายกฯ ดังนั้น การออกความเห็นของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะดำเนินการได้ 

เมื่อถามว่ากรณีที่บางพรรคเเตรียมส่งผู้สมัครลงชนกับ ส.ส.ของพรรคใน  เขต 1 นั้น นายวราวุธ กล่าว่า ตนพูดทุกครั้งว่า 5 เขตของสุพรรณบุรีนั้นหนักทุกเขต ห่วงทุกเขต และไม่ได้มองว่าใครจะลงสมัครเพราะไม่ใช่ธงของพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว สู้ไม่ถอย สู้ยิบตาเพราะที่นี่คือ ฐานที่มั่นของชาติไทยพัฒนา เราไม่ยอมถอยให้ใครง่ายๆ แน่นอน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ธรรมะกับประชาธิปไตยไยห่วงใยสถาบันศาสนา

การวิเคราะห์ประชาธิปไตยในปริบทพุทธสันติวิธีชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างควา...