ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ เรื่องวิเคราะห์ สุสีมชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก สัตตกนิบาตชาดก ๒. คันธารวรรค ที่ประกอบด้วย
๖. สุสีมชาดก
ว่าด้วยพระเจ้าสุสีมะออกผนวช
[๑๐๗๙] เมื่อก่อนผมดำเกิดบนศีรษะอันเป็นประเทศที่สมควร ดูกรสุสิมะ วันนี้
ท่านเห็นผมเหล่านั้นกลายเป็นสีขาวแล้ว จงประพฤติธรรมเถิด เวลานี้
เป็นการสมควรจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว.
[๑๐๘๐] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ผมหงอกของหม่อมฉันเอง ไม่ใช่ของพระองค์
หม่อมฉันถอนออกจากศีรษะของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันได้ทูลคำเท็จ
ด้วยคิดจะทำประโยชน์แก่ตน ขอพระองค์จงทรงพระราชทานอภัยโทษให้
สักครั้งหนึ่งเถิด เพคะ.
[๑๐๘๑] ข้าแต่พระราชาผู้เป็นจอมประชาชน พระองค์ยังหนุ่ม มีพระโฉมชวนพิศ
ยังทรงตั้งอยู่ในปฐมวัย มีพระฉวีวรรณงาม ดังใบกล้วยมีนวลอ่อนๆ
เมื่อแรกขึ้นฉะนั้น ขอเชิญพระองค์ดำรงราชสมบัติอยู่ก่อนเถิด เชิญ
ทอดพระเนตรหม่อมฉันก่อน อย่าทรงทำให้หม่อมฉันเป็นหม้ายไร้ที่พึ่ง
เสียเลย เพคะ.
[๑๐๘๒] เราได้เห็นนางกุมารีรุ่นสาวมีฉวีวรรณอันเกลี้ยงเกลา ร่างกายงาม ทรวด
ทรงเฉิดฉายอ่อนละมุนละไม เหมือนเถากาลวัลลี เมื่อต้องลมอ่อนรำเพย
พัด ก็โอนเอนไปมา เข้าไปใกล้ชายดั่งยั่วยวนใจชายอยู่.
[๑๐๘๓] สมัยต่อมา เราได้เห็นนารีคนนั้นถึงความชรามีอายุล่วงไป ๘๐-๙๐ ปี
ถือไม้เท้าสั่นงันงก มีกายคดน้อมลงดุจกลอนเรือน เดินก้มหน้าอยู่.
[๑๐๘๔] เรากำลังตริตรองถึงความพอใจและโทษของรูปทั้งหลายนั้นแลอยู่ จึงหลีก
ออกไปนอนอยู่ท่ามกลางที่นอนแต่ผู้เดียว เราพิจารณาเห็นว่า แม้เราเอง
ก็จักต้องเป็นอย่างนั้นบ้าง จึงมิได้ยินดีในการอยู่ในเรือนเลย ถึงเวลาที่
เราจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว.
[๑๐๘๕] ความยินดีของบุคคลผู้อยู่ครอบครองเรือนนี้แหละ เป็นเชือกเครื่องเหนี่ยว
รั้งไว้ ธีรชนตัดเชือกนี้แล้ว หาความอาลัยใยดีมิได้ ละทิ้งกามสุขแล้ว
ออกบวช.
ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ สุสีมชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก สัตตกนิบาตชาดก
๒. คันธารวรรค
วิเคราะห์ โสมทัตตชาดก ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม และการประยุกต์ใช้
บทนำ
โสมทัตตชาดก เป็นหนึ่งในชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก สัตตกนิบาตชาดก คันธารวรรค เนื้อหาของชาดกนี้เน้นไปที่การแสดงธรรมเกี่ยวกับความเศร้าโศกที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลหรือสิ่งที่เป็นที่รัก และแนวทางแห่งปัญญาในการปล่อยวางจากความทุกข์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของพุทธสันติวิธีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
เนื้อเรื่องและสาระสำคัญของโสมทัตตชาดก
โสมทัตตชาดกเล่าเรื่องของฤาษีผู้หนึ่งซึ่งมีความผูกพันกับช้างชื่อ "โสมทัต" ซึ่งคอยต้อนรับฤาษีทุกครั้งที่กลับจากป่า วันหนึ่ง โสมทัตตายลง ฤาษีรู้สึกเศร้าโศกเป็นอย่างมาก ท้าวสักกะ (พระอินทร์) ได้มาแสดงธรรมเพื่อให้ฤาษีตระหนักถึงความจริงของชีวิตว่า "สัตว์ทั้งหลายล้วนต้องตาย ความเศร้าโศกมิอาจช่วยให้ผู้ที่ล่วงลับฟื้นคืนมาได้" ฤาษีเมื่อได้สดับธรรมก็สามารถปล่อยวางความเศร้าและกลับคืนสู่ความสงบของจิตใจ
การวิเคราะห์เชิงหลักธรรม
โสมทัตตชาดกสามารถเชื่อมโยงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาหลายประการ ได้แก่:
ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) – สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง การพลัดพรากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อุปาทานและทุกข์ – ความเศร้าโศกของฤาษีเกิดจากอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) ต่อโสมทัต การดับทุกข์จึงต้องอาศัยการละวาง
สติและปัญญา – ท้าวสักกะแสดงปัญญาให้ฤาษีเห็นความจริงของชีวิต ทำให้ฤาษีสามารถปล่อยวางและหลุดพ้นจากความโศกเศร้า
พุทธสันติวิธีและการประยุกต์ใช้
พุทธสันติวิธี (Buddhist Peaceful Methods) คือแนวทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีที่อาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โสมทัตตชาดกสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธีได้ในหลายมิติ ได้แก่:
การจัดการกับความสูญเสียและความเศร้าโศก – สอนให้มนุษย์เข้าใจสัจธรรมของชีวิตและใช้สติปัญญาเป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจ
การพัฒนาความเมตตาและการปล่อยวาง – การไม่ยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างสงบ
การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยปัญญา – การใช้เหตุผลและความเข้าใจเพื่อคลี่คลายปัญหา แทนการปล่อยให้ความรู้สึกเข้าครอบงำ
บทสรุป
โสมทัตตชาดกเป็นชาดกที่ให้ข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับความเศร้าโศกและการปล่อยวาง ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธีได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในการจัดการกับความสูญเสีย การเสริมสร้างปัญญา และการใช้สติเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิต หากมนุษย์สามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักธรรมนี้ได้ จะนำไปสู่ความสงบสุขทั้งในระดับบุคคลและสังคมโดยรวม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น