วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

สุสีมชาดก ว่าด้วยพระเจ้าสุสีมะออกผนวช

     ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ  เรื่องวิเคราะห์ สุสีมชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก สัตตกนิบาตชาดก ๒. คันธารวรรค    ที่ประกอบด้วย  

 ๖. สุสีมชาดก

ว่าด้วยพระเจ้าสุสีมะออกผนวช

             [๑๐๗๙] เมื่อก่อนผมดำเกิดบนศีรษะอันเป็นประเทศที่สมควร ดูกรสุสิมะ วันนี้

                          ท่านเห็นผมเหล่านั้นกลายเป็นสีขาวแล้ว จงประพฤติธรรมเถิด เวลานี้

                          เป็นการสมควรจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว.

             [๑๐๘๐] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ผมหงอกของหม่อมฉันเอง ไม่ใช่ของพระองค์

                          หม่อมฉันถอนออกจากศีรษะของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันได้ทูลคำเท็จ

                          ด้วยคิดจะทำประโยชน์แก่ตน ขอพระองค์จงทรงพระราชทานอภัยโทษให้

                          สักครั้งหนึ่งเถิด เพคะ.

             [๑๐๘๑] ข้าแต่พระราชาผู้เป็นจอมประชาชน พระองค์ยังหนุ่ม มีพระโฉมชวนพิศ

                          ยังทรงตั้งอยู่ในปฐมวัย มีพระฉวีวรรณงาม ดังใบกล้วยมีนวลอ่อนๆ

                          เมื่อแรกขึ้นฉะนั้น ขอเชิญพระองค์ดำรงราชสมบัติอยู่ก่อนเถิด เชิญ

                          ทอดพระเนตรหม่อมฉันก่อน อย่าทรงทำให้หม่อมฉันเป็นหม้ายไร้ที่พึ่ง

                          เสียเลย เพคะ.

             [๑๐๘๒] เราได้เห็นนางกุมารีรุ่นสาวมีฉวีวรรณอันเกลี้ยงเกลา ร่างกายงาม ทรวด

                          ทรงเฉิดฉายอ่อนละมุนละไม เหมือนเถากาลวัลลี เมื่อต้องลมอ่อนรำเพย

                          พัด ก็โอนเอนไปมา เข้าไปใกล้ชายดั่งยั่วยวนใจชายอยู่.

             [๑๐๘๓] สมัยต่อมา เราได้เห็นนารีคนนั้นถึงความชรามีอายุล่วงไป ๘๐-๙๐ ปี

                          ถือไม้เท้าสั่นงันงก มีกายคดน้อมลงดุจกลอนเรือน เดินก้มหน้าอยู่.

             [๑๐๘๔] เรากำลังตริตรองถึงความพอใจและโทษของรูปทั้งหลายนั้นแลอยู่ จึงหลีก

                          ออกไปนอนอยู่ท่ามกลางที่นอนแต่ผู้เดียว เราพิจารณาเห็นว่า แม้เราเอง

                          ก็จักต้องเป็นอย่างนั้นบ้าง จึงมิได้ยินดีในการอยู่ในเรือนเลย ถึงเวลาที่

                          เราจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว.

             [๑๐๘๕] ความยินดีของบุคคลผู้อยู่ครอบครองเรือนนี้แหละ เป็นเชือกเครื่องเหนี่ยว

                          รั้งไว้ ธีรชนตัดเชือกนี้แล้ว หาความอาลัยใยดีมิได้ ละทิ้งกามสุขแล้ว

                          ออกบวช.

ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ สุสีมชาดก  ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก   สัตตกนิบาตชาดก

๒. คันธารวรรค

วิเคราะห์ โสมทัตตชาดก ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม และการประยุกต์ใช้

บทนำ

โสมทัตตชาดก เป็นหนึ่งในชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก สัตตกนิบาตชาดก คันธารวรรค เนื้อหาของชาดกนี้เน้นไปที่การแสดงธรรมเกี่ยวกับความเศร้าโศกที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลหรือสิ่งที่เป็นที่รัก และแนวทางแห่งปัญญาในการปล่อยวางจากความทุกข์ดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของพุทธสันติวิธีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

เนื้อเรื่องและสาระสำคัญของโสมทัตตชาดก

โสมทัตตชาดกเล่าเรื่องของฤาษีผู้หนึ่งซึ่งมีความผูกพันกับช้างชื่อ "โสมทัต" ซึ่งคอยต้อนรับฤาษีทุกครั้งที่กลับจากป่า วันหนึ่ง โสมทัตตายลง ฤาษีรู้สึกเศร้าโศกเป็นอย่างมาก ท้าวสักกะ (พระอินทร์) ได้มาแสดงธรรมเพื่อให้ฤาษีตระหนักถึงความจริงของชีวิตว่า "สัตว์ทั้งหลายล้วนต้องตาย ความเศร้าโศกมิอาจช่วยให้ผู้ที่ล่วงลับฟื้นคืนมาได้" ฤาษีเมื่อได้สดับธรรมก็สามารถปล่อยวางความเศร้าและกลับคืนสู่ความสงบของจิตใจ

การวิเคราะห์เชิงหลักธรรม

โสมทัตตชาดกสามารถเชื่อมโยงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาหลายประการ ได้แก่:

  1. ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) – สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง การพลัดพรากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

  2. อุปาทานและทุกข์ – ความเศร้าโศกของฤาษีเกิดจากอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) ต่อโสมทัต การดับทุกข์จึงต้องอาศัยการละวาง

  3. สติและปัญญา – ท้าวสักกะแสดงปัญญาให้ฤาษีเห็นความจริงของชีวิต ทำให้ฤาษีสามารถปล่อยวางและหลุดพ้นจากความโศกเศร้า

พุทธสันติวิธีและการประยุกต์ใช้

พุทธสันติวิธี (Buddhist Peaceful Methods) คือแนวทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีที่อาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โสมทัตตชาดกสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธีได้ในหลายมิติ ได้แก่:

  1. การจัดการกับความสูญเสียและความเศร้าโศก – สอนให้มนุษย์เข้าใจสัจธรรมของชีวิตและใช้สติปัญญาเป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจ

  2. การพัฒนาความเมตตาและการปล่อยวาง – การไม่ยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างสงบ

  3. การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยปัญญา – การใช้เหตุผลและความเข้าใจเพื่อคลี่คลายปัญหา แทนการปล่อยให้ความรู้สึกเข้าครอบงำ

บทสรุป

โสมทัตตชาดกเป็นชาดกที่ให้ข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับความเศร้าโศกและการปล่อยวาง ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธีได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในการจัดการกับความสูญเสีย การเสริมสร้างปัญญา และการใช้สติเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิต หากมนุษย์สามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักธรรมนี้ได้ จะนำไปสู่ความสงบสุขทั้งในระดับบุคคลและสังคมโดยรวม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พุทธการทูต และ Soft Power ของ ดร.นิยม เวชกามา

วิเคราะห์บทบาทด้านต่างประเทศของดร.นิยม เวชกามา: พุทธนาวาแห่งการทูตและยุทธศาสตร์ Soft Power ในศตวรรษที่ 21 บทคัดย่อ รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่ง...