วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

สุมังคลชาดก ว่าด้วยคุณธรรมของนักปกครอง

    ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ  เรื่องวิเคราะห์ สุมังคลชาดก  ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก  อัฏฐกนิบาตชาดก ๑.  กัจจานิวรรค     ที่ประกอบด้วย  

 ๔. สุมังคลชาดก

ว่าด้วยคุณธรรมของกษัตริย์

             [๑๑๔๖] พระเจ้าแผ่นดินทรงรู้ว่า เรากำลังกริ้วจัดไม่พึงลงอาชญา อันไม่สมควร

                          แก่ตนโดยไม่ใช่ฐานะก่อน พึงเพิกถอนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างร้ายแรง

                          ไว้.

             [๑๑๔๗] เมื่อใด พึงรู้ว่าจิตของตนผ่องใส พึงใคร่ครวญ ความผิดที่ผู้อื่นทำไว้

                          พึงพิจารณาให้เห็นแจ่มแจ้งด้วยตนเองว่า นี่ส่วนประโยชน์ นี่ส่วนโทษ

                          เมื่อนั้น จึงปรับไหมบุคคลนั้นๆ ตามสมควร.

             [๑๑๔๘] อนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด ไม่ถูกอคติครอบงำ ย่อมแนะนำผู้อื่น

                          ที่ควรแนะนำ และไม่ควรแนะนำได้ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นชื่อว่า

                          ไม่เผาผู้อื่น และพระองค์เอง พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดในโลกนี้

                          ทรงลงอาชญาสมควรแก่โทษ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้น อันคุณงาม

                          ความดีคุ้มครองแล้ว ย่อมไม่เสื่อมจากศิริ.

             [๑๑๔๙] กษัตริย์เหล่าใดถูกอคติครอบงำ ไม่ทรงพิจารณาเสียก่อนแล้วทำไป ทรง

                          ลงอาชญาโดยผลุนผลัน กษัตริย์เหล่านั้นประกอบไปด้วยโทษน่าติเตียน

                          ย่อมละทิ้งชีวิตไป และพ้นไปจากโลกนี้แล้ว ก็ย่อมไปสู่ทุคติ.

             [๑๑๕๐] พระราชาเหล่าใด ทรงยินดีแล้วในทศพิธราชธรรม อันพระอริยเจ้าประกาศ

                          ไว้ พระราชาเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐด้วยกาย วาจา และใจ พระราชา

                          เหล่านั้นทรงดำรงมั่นอยู่แล้วในขันติ โสรัจจะ และสมาธิ ย่อมถึงโลก

                          ทั้งสองโดยวิธีอย่างนั้น.

             [๑๑๕๑] เราเป็นพระราชาผู้เป็นใหญ่ของสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าเราโกรธ

                          ขึ้นมา เราก็ตั้งตนไว้ในแบบอย่างที่โบราณราชแต่งตั้งไว้ คอยห้ามปราม

                          ประชาชนอยู่อย่างนั้น ลงอาชญาโดยอุบายอันแยบคายด้วยความเอ็นดู.

             [๑๑๕๒] ข้าแต่กษัตริย์ผู้ชนาธิปัติ บริวารสมบัติและปัญญามิได้ละพระองค์ในกาล

                          ไหนๆ เลย พระองค์มิได้มักกริ้วโกรธ มีพระหฤทัยผ่องใสอยู่เป็นนิจ

                          ขอพระองค์ทรงปราศจากทุกข์ บำรุงพระชนม์ชีพยืนอยู่ตลอดร้อยพรรษา

                          เถิด.

             [๑๑๕๓] ข้าแต่กษัตริย์ ขอพระองค์ทรงประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านี้ คือ โบราณ

                          ราชวัตร มั่นคงทรงอนุญาตให้หนูเตือนได้ ไม่ทรงกริ้วโกรธมีความสุข

                          สำราญ ไม่เดือดร้อน ปกครองแผ่นดินให้ร่มเย็น แม้จุติจากโลกนี้ไปแล้ว

                          ก็จงทรงถึงสุคติเถิด.

             [๑๑๕๔] พระเจ้าธรรมิกราชทรงฉลาดในอุบาย เมื่อครองราชสมบัติด้วยอุบายอัน

                          เป็นธรรม คือ กุศลกรรมบถ ๑๐ อันบัณฑิตแนะนำกล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้

                          พึงยังมหาชนผู้กำเริบร้อนกายและจิตให้ดับหายไป เหมือนมหาเมฆยัง

                          แผ่นดินให้ชุ่มชื่นด้วยน้ำ ฉะนั้น.

ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ สุมังคลชาดก    ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก    อัฏฐกนิบาตชาดก ๑.  กัจจานิวรรค 

วิเคราะห์สุมังคลชาดกในบริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมและการประยุกต์ใช้

บทนำ

สุมังคลชาดก เป็นชาดกหนึ่งในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก อัฏฐกนิบาตชาดก กัจจานิวรรค ซึ่งกล่าวถึงคุณธรรมของกษัตริย์ โดยเน้นถึงการปกครองที่มีความยุติธรรม ปราศจากอคติ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของทศพิธราชธรรม ชาดกนี้มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแนวทางของพุทธสันติวิธี ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของสังคมปัจจุบันได้

สาระสำคัญของสุมังคลชาดก

สุมังคลชาดกนำเสนอหลักธรรมที่สำคัญในการปกครอง ได้แก่:

  1. ความอดทนและการควบคุมอารมณ์ - พระราชาพึงระงับโทสะและไม่ควรลงอาชญาด้วยอารมณ์ที่เร่าร้อน

  2. การพิจารณาอย่างรอบคอบ - การตัดสินลงโทษต้องผ่านการพิจารณาด้วยปัญญา แยกแยะระหว่างคุณและโทษ

  3. ความเป็นธรรมและการไม่ลำเอียง - ไม่ให้ถูกอคติครอบงำเพื่อให้สามารถปกครองโดยชอบธรรม

  4. การยึดถือทศพิธราชธรรม - พระราชาผู้ยึดมั่นในหลักธรรมทั้ง 10 ย่อมได้รับความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รักของประชาชน

สุมังคลชาดกในบริบทพุทธสันติวิธี

พุทธสันติวิธี เป็นแนวทางในการสร้างสันติภาพตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับสาระสำคัญของสุมังคลชาดก สามารถแบ่งการประยุกต์ใช้หลักธรรมจากชาดกนี้ออกเป็นสามระดับ ได้แก่:

1. ระดับบุคคล

  • การควบคุมอารมณ์: ปฏิบัติตามหลักขันติธรรมและเมตตาธรรม ลดความโกรธและใช้สติพิจารณาเหตุการณ์ก่อนตัดสินใจ

  • การพิจารณาผลของการกระทำ: พิจารณาทุกการกระทำว่ามีผลดีหรือผลเสียอย่างไร ก่อนตัดสินใจลงโทษหรือกระทำสิ่งใด

2. ระดับสังคมและการปกครอง

  • การใช้กฎหมายและอำนาจอย่างยุติธรรม: ผู้ปกครองควรใช้สติปัญญาและความเมตตาในการบริหารบ้านเมือง โดยหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจโดยพลการ

  • ส่งเสริมความปรองดองและการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง: แทนที่จะใช้ความรุนแรง ควรใช้การเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ในสังคม

3. ระดับระหว่างประเทศ

  • การดำเนินนโยบายด้วยจริยธรรม: ผู้นำระดับโลกควรใช้แนวทางแห่งขันติและปัญญาในการบริหารความขัดแย้งระหว่างประเทศ

  • การสร้างสันติภาพผ่านแนวทางพุทธสันติวิธี: ใช้การเจรจาอย่างมีสติ ไม่ใช้ความรุนแรง และมุ่งเน้นที่การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุข

บทสรุป

สุมังคลชาดก เป็นชาดกที่สะท้อนหลักธรรมของการปกครองที่เป็นธรรม อดกลั้น และไม่ใช้อำนาจโดยพลการ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแนวทางของพุทธสันติวิธีในระดับบุคคล สังคม และระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี การนำหลักธรรมจากชาดกนี้ไปปฏิบัติสามารถช่วยลดความขัดแย้งและสร้างสังคมที่สงบสุขได้อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พุทธการทูต และ Soft Power ของ ดร.นิยม เวชกามา

วิเคราะห์บทบาทด้านต่างประเทศของดร.นิยม เวชกามา: พุทธนาวาแห่งการทูตและยุทธศาสตร์ Soft Power ในศตวรรษที่ 21 บทคัดย่อ รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่ง...