วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

'จุรินทร์'ย้ำชัดต้องแก้รธน.! 1 ใน 2 เงื่อนไขร่วม 'พปชร.'




เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 พ.ค.2562  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า ต้องเริ่มต้นที่พรรคพลังประชารัฐก่อน ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นขั้วหนึ่งที่กำลังทำหน้าที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้นับหนึ่งที่ประชาธิปัตย์ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดทราบตรงกันว่าพลังประชารัฐมาเชิญประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล แต่ที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นเพราะพลังประชารัฐต้องใช้เวลาในการทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียวเสียก่อน จึงต้องให้เวลา แต่สำหรับการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอยู่แล้ว โดยจะต้องนัดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ต้องถามท่านว่าจะนัดประชุมเมื่อไหร่ ถือเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ 

เมื่อถามว่าการที่นายชวนเป็นประธานสภาแล้วจะผูกมัดว่าประชาธิปัตย์ต้องเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่พรรคไหนจะเสนอชื่อใครเป็นนายกอย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมืองที่จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งในส่วนของประชาธิปัตย์ยังไม่ได้มีการประชุมกันว่าจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะคงต้องนับหนึ่งที่พลังประชารัฐก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความคืบหน้าใด ๆ จากพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่าจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนค่อยมาจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีและนโยบาย นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่พลังประชารัฐ เพราะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ประชาธิปัตย์ป็นพรรคขนาดกลางมีแค่ 53 เสียง ก็ต้องเข้าใจสถานภาพของตัวเองว่าอยู่ในฐานะไหน และเรื่องนี้ยังไม่เคยคุยกันว่าจะต้องโหวตนายกก่อนค่อยจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะข้อเท็จจริงคือ พลังประชารัฐมาเชิญประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมคิดว่าทุกอย่างจะยุติตามที่ได้พูดคุยกันแล้ว แต่เนื่องจากกิดปัญหาความไม่ลงตัว

"ก็ต้องขอพูดตรง ๆ ว่าเป็นปัญหาในส่วนของพลังประชารัฐ จึงเป็นที่มาที่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมออกไป ตอนนี้ก็ต้องให้เวลาพลังประชารัฐในการคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ และตัดสินใจ ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์เราเคารพการตัดสินใจของเขา ทั้งนี้พรรคไม่ได้กำหนดว่าพลังประชารัฐจะต้องให้คำตอบกับประชาธิปัตย์เมื่อไหร่" นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีงวดเข้ามาแล้ว การตั้งรัฐบาลควรเสร็จก่อนเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคหากไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอื่นก็มีมติของตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคอื่น โดยเฉพาะพลังประชารัฐก็ต้องรอว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนพรรคจะมีมติแยกระหว่างการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกับการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไร ประชาธิปัตย์อยู่ในสถานะไหน เพราะขณะนี้ยังอยู่ในสถานะของความเป็นประชาธิปัตย์ เรายังไม่ได้พิจารณาตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างไร ถ้าถึงวันนั้นพรรคก็ต้องมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจในสภาผู้แทนราษฎร พรรคก็ต้องมีการประชุมร่วมกันโดยเฉพาะการตัดสินใจว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับการตอบรับการร่วมรัฐบาลอาจไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่ได้พูดคุยเบื้องต้นในเรื่องเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะประชาธิปัตย์มองว่าเป็นเรื่องสำคัญหากจะตัดสินใจร่วมงานกับพลังประชารัฐ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องพาประเทศเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นได้ ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ไม่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาโอกาสที่ประเทศจะเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นมันริบหรี่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทำยากมาก ไม่ใช่แค่ใช้เสียงข้างมากในรัฐสภาเท่านั้น แต่กำหนดเงื่อนไขว่าให้ใช้เสียงข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือสองสภารวมกันแล้ว ต้องมีฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และยังต้องได้เสียงสว.หนึ่งในสามด้วย ดังนั้นจึงเกือบจะปิดประตูในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงคือ แก้รัฐธรรมนูญด้วยวิธีไม่ปกติ ซึ่งเราไม่ประสงค์ให้เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาว่าำทำไมพรรคต้องยื่นเงื่อนไขเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ว่าถ้าร่วมรัฐบาล รัฐบาลต้องเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามรัฐบาลหรือกำหนดเป็นนโยบาย เพราะจะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า นอกจากนั้นก็มีการเสนอเรื่องนโยบายที่ประชาธิปัตย์หาเสียงไว้กับประชาชนว่าถ้าจะฟื้นเศรษฐกิจต้องนับหนึ่งจากเศรษฐกิจฐานราก คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรคต้องได้รับการพิจารณาบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งหมดจะต้องอยู่ที่พรรคแกนนำว่าจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่ ซึ่งเงื่อนไหขทั้งสองข้อมีความสำคัญต่อการตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ จึงต้องรอคำตอบจากพลังประชารัฐก่อนว่าจะรับข้อเสนอของพรรคหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุคคลไม่ควรคบยามสูงวัย

การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธร...