วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

"วิรัช"เผย 10-11มิ.ย.สภาฯถกปม CPTPP



เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2563 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้า วันที่ 10-11 มิถุนายน 2563 มีเรื่องสำคัญต้องพิจารณาเกี่ยวกับการความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP รวมถึงญัตติด่วนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยจะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 49 คน เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคเล็กได้เข้ามาร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย ทั้งนี้ หากการประชุมไม่มีวาระอื่นเร่งด่วน ก็จะนำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ…ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เข้าสู่ที่ประชุมในวาระ 2 และ 3 ต่อไป

กกร.ประกาศจุดยืนซีพีทีพีพี

 นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะทำงานซีพีทีพีพี ของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้รวบรวมผลการศึกษาผลกระทบต่อการเข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เรียบร้อยแล้ว และจะเสนอให้ กกร. ประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมเจรจาหรือไม่ในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นตัวแทนจากภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคมยังกังวลใน 4 ประเด็นใหญ่ที่ต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องสร้างความชัดเจนและชี้แจงให้ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อเท็จจริง
          ทั้งนี้ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและรวดเร็วว่าจะเข้าร่วมเจรจาหรือไม่เข้าร่วม เพราะที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติทั้งที่มาลงทุนในไทยอยู่แล้วและสนใจที่จะเข้าลงทุนในไทยก็ได้สอบถามว่ารัฐบาลไทยมีจุดยืนต่อซีพีทีพีพีอย่างไร เพื่อที่จะใช้ประกอบในการพิจารณาเข้ามาลงทุนหรือขยายลงทุน ซึ่งตอนนี้ทางหอการค้าไทยคงไม่สามารถให้คำตอบนักลงทุนต่างชาติได้
          สำหรับ 4 ประเด็นที่ยังมีความกังวล ประกอบด้วยการเปิดเสรีสินค้าภายใต้ข้อตกลงซีพีทีพีพีประเทศสมาชิกต้องยกเลิกภาษี 99% ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้ผลิตทั้งที่พร้อมที่จะแข่งขันและยังไม่มีศักยภาพการแข่งขันโดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าได้ประโยชน์จากการส่งออก เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ยานยนต์ และเครื่องหนังและรองเท้า เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่อาจจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า กาแฟและชา และส่วนประกอบรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่มีเงื่อนไขวัตถุดิบหรือสินค้าของประเทศสมาชิกซีพีทีพีพีสามารถนำวัตถุดิบจากนอกสมาชิกเพื่อได้รับสิทธิทางภาษีได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าหรือวัตถุดิบจากประเทศสมาชิกเท่านั้น
          นอกจากนี้ยังมีประเด็นของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งเงื่อนไขภายใต้ซีพีทีพีพีห้ามมีการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการไทยเหนือประเทศอื่น, ประเด็นของแรงงานภายใต้ ซีพีทีพีพีที่ให้สิทธิแรงงานต่างด้าวจัดตั้งสหภาพแรงงาน ซึ่งผู้ประกอบการมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่กฎหมายไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่รองรับประเด็นเหล่านี้ และประเด็นสุดท้ายคือเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา ในเรื่องของสิทธิในสิทธิบัตรยา (ซีแอล) และผลประโยชน์ของเกษตรกรจากยูพอฟ 1991 และการพัฒนาพันธุ์พืชของไทย
          "ที่ผ่านมาคณะทำงานได้มีการระดมของคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด โดยคำนึงถึงผลได้ผลเสียและความพร้อมในการแข่งขันของภาคการผลิตไทยทั้งด้านการค้าสินค้าการลงทุน และประเด็นอื่น ๆ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อตกลงซีพีทีพีพีรวมถึงประเด็นที่มีความกังวลจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่จะสร้างผล กระทบและความเสียหายกับประเทศไทย ซึ่งได้รับเกียรติจากหน่วยงานเข้ามาร่วมให้ข้อมูลด้วย ทั้งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, กรมทรัพย์สินทางปัญญา, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น" 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพลงแบกฮัก

คลิก ฟังเพลงที่นี่ เพลง: แบกฮัก ศิลปิน: Suno (ท่อนแรก) เอาไปเถอะลูก บ่ต้องซื้อเขากิน ถุงข้าวที่แบกมา เต็มไปด้วยฮักอ้าย บ่แม่นแค่ข้าวสารเม็ดง...