วันที่ 10 มิ.ย.2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ว่า จะมีการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 แต่การพิจารณาจะเสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมฯ
ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณในวาระที่ 2-3 นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าสู่การประชุมฯ ได้ทันในวันนี้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญฯ คาดว่าจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
กกร.หนุนรบ.ไทยเข้าร่วมเจรจาซีพีทีพีพี ไม่ให้ไทยหลุดขบวน-เสียโอกาส
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันที่ประกอบด้วยส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย(กกร.) ที่มีสมาคมธนาคารไทยทำหน้าที่ประธาน วันที่ 10 มิถุนายนนี้ จะหารือจุดยืนกกร.ต่อบทบาทของรัฐบาลไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(ซีพีทีพีพี) เบื้องต้นคาดว่าจะสนับสนุนให้เข้าร่วมเจราเพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาส
"ที่ผ่านมา กกร.ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อจัดทำรายละเอียดและแนวทางมาเสนออีกครั้ง หลังจากนี้จะหารือและพิจารณาผลการศึกษา เบื้องต้นท่าทีคือการสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเจรจา จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าเป็นสมาชิกหรือไม่"นายสุพันธุ์กล่าว
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กกร.จะหารือถึงภาวะเศรษฐกิจไทยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้(มกราคม – พฤษภาคม 2563) ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และการที่รัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง(ล็อกดาวน์) มาจนสู่เฟส 3 และกำลังเข้าเฟส 4 คาดว่าจะเริ่มทำให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น คาดว่ากกร.จะคงประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ที่จีดีพีจะเป็น -5.0% ถึง -3.0% ส่งออก -10.0% ถึง -5.0%
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้หารือและเห็นว่าไทยควรเข้าร่วมซีพีทีพีพีก่อนแล้วค่อยพิจารณาการเป็นสมาชิกหรือไม่ เพื่อไม่ให้ไทยหลุดขบวนและเสียโอกาสการรับรู้ท่าที เพราะสมาชิกซีพีทีพีพีที่มีอยู่ปัจจุบัน 11 ประเทศตลาดค่อนข้างใหญ่มาก ส่วนภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ยอมรับว่าถดถอยตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ภาคการผลิตได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อทั้งของไทยและต่างประเทศลดต่ำลง แต่สิ่งที่เพิ่มความกังวลคือภาวะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น ขณะนี้ยืนอยู่ในกรอบราว 31-31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐจะส่งผลลบต่อศักยภาพการแข่งขันการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทย ดังนั้นคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องกลับมาพิจารณามาตรการดูแลระยะสั้น โดยปีนี้รายได้ท่องเที่ยวตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าราว 1.9 ล้านล้านบาท น่าจะหายไปราว 75% เมื่อบาทแข็งค่าอีกยิ่งกระทบซ้ำเติม
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้าร่วมการเจรจาซีพีทีพีพีแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าเป็นสมาชิกหรือไม่ แต่การไม่เข้าร่วมเจรจาเลยถือเป็นการเสียโอกาสของประเทศ ซึ่ง กกร. วันที่ 10 มิถุนายน จะมีการประชุมหารือเพื่อมีมติร่วมกัน ก่อนเสนอให้รัฐบาลเป็นข้อมูลในการพิจารณาตัดสินใจต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น