เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม.มีการพิจารณาเรื่องสำคัญหลายประการ ซึ่งทางสำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะชี้แจงให้ทราบ และวันนี้ได้มีการตั้งข้าราชการเมือง ทั้งภาคการเมืองและข้าราชการประจำบางกระทรวง และวันนี้ขอแนะนำโฆษกประจำสำนักนายกฯ คนใหม่คือ นายอนุชา บูรพชัยศรี ซึ่งจะทำงานในรูปแบบนิว นอร์มอล ในเรื่องรวมไทยสร้างชาติ มีการปรับองค์ประกอบภายในให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งการพบปะสื่อ การสื่อสารทางออนไลน์ อะไรต่างๆ เหล่านี้จะปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ใช้คำภาษาง่ายๆ ที่ทุกคนเข้าใจ รวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งที่ทำไปแล้ว ให้ทุกคนทราบว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และประชาชนจะได้อะไรต่อไป เป็นการวางปัจจุบันไปถึงอนาคต
ทั้งนี้ ผู้สี่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ ยืนแถลงข่าว นายอนุชา ได้มายืนร่วมฟังการแถลงข่าวร่วมกับรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ อีก 2 คนด้วย และเริ่มปฏิบัติหน้าแล้วในวันนี้
ปรับท่าทีตอบคำถามสื่อ คนไหนไม่ถูกชี้หมดสิทธิ์ถาม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ทั้งผลการประชุมครม.และตอบคำถามที่สื่อมวลชนส่งมาล่วงหน้า ได้ใช้เวลาเพียงสั้นๆประมาณ 10 นาที ขณะที่การตอบคำถามผู้สื่อข่าวในช่วงท้ายแตกต่างจากทุกครั้ง โดยนายกฯได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มีเวลาให้ 3 คำถามเท่านั้น ก่อนจะชี้ไปผู้สื่อข่าวแต่ละคนให้ถาม พร้อมกล่าวว่า ส่วนคนใดที่ไม่ได้ชี้ก็จะยังไม่อนุญาตให้ถาม โดยแต่ละคำถาพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบทุกคำถาม ขณะที่ผู้สื่อข่าว ได้ถามนายกว่า เหตุใดวันนี้มีการปรับท่าทีในการให้สื่อมวลชนถาม ด้วยการใช้วิธีการเลือกชี้สื่อให้ถาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบเหตุผลดังกล่าว พร้อมกับเดิน ออกจากห้องแถลงข่าวทันที
หลังจากนั้นนายอนุชา ได้ขึ้นนั่งแถลงข่าวบนโต๊ะแถลงข่าวถายในตึกนารีสโมสรของรัฐบาลเป็นครั้งแรกพร้อมกับน.ส.รัชดา ธนาดิเรก และน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ โดยนายอนุชาได้กล่าวแนะนำตัว พร้อมกับบอกนโยบายการทำงานในตำแหน่งว่า สำหรับแนวทางการทำงานจะเน้นการสื่อสารข้อมูลให้เข้าใจตรงกันและครบถ้วน ทั้งแนวคิดตามดำริของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมครม มติครม. ประเด็นที่พูดคุยในครม. แนวทางขับเคลื่อนการทำงานต่างๆ ส่วนสถานการการณ์เมืองในปัจจุบัน จะสื่อสารความคิดเห็นของรัฐบาลให้ภาคประชาชนรับทราบ ซึ่งจะเป็นการสื่อสาร 2 ทาง ไม่ใช่ความเห็นของรัฐบาลฝ่ายเดียว โดยจะรับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อนำไปสู่ผู้ที่กำหนดนโยบายของรัฐ
นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนั้นเรื่องเศรษฐกิจ และด้านต่างประเทศ จะทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ และสื่อสารไปยังทูตต่างประเทศ สื่อต้างประเทศให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนว่าเรื่องใดเป็นจริง ขณะที่ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือเฟกนิวส์ ก็ต้องชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น