วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2563

"พิชัย"ชี้"บิ๊กตู่"ปรับครม.แก้ปัญหาส่วนตัวมากกว่าช่วยประเทศ


"พิชัย" ชี้  "บิ๊กตู่"  ปรับ ครม. ทำสับสน  4 ข้อ ติงแก้ปัญหาส่วนตัวมากกว่าช่วยประเทศ แนะ เลิกโกหกตัวเอง เพราะคนจะออกมาไล่มากขึ้น


 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก กังวลกันว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาร้องขอความเชื่อมั่น อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ทราบถึงความสับสนในวิธีคิดในการปรับ ครม. ที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่น 4 ข้อดังนี้

          

1. การตั้งนายดอน ปรมัติถ์วินัย เป็นรองนายกฯ เพิ่มขึ้นอีกตำแหน่ง โดยอ้างว่าจะให้มาช่วยเศรษฐกิจและติดต่อต่างประเทศ ความจริงตลอด 6 ปี นายดอนไม่ได้เคยแสดงถึงวิสัยทัศน์ทางด้านนี้เลย แถมยังมีเรื่องอื้อฉาวที่ภรรยาถือหุ้นและตัวเองก็ยอมรับ แต่กลับหลุดคดีได้อย่างน่าอัศจรรย์


2. การแต่งตั้ง รมว.พลังงาน ให้ควบรองนายกฯ แต่ รมว.คลัง ไม่ควบรองนายกรัฐมนตรี ทั้งที่กระทรวงการคลังมีขอบข่ายครอบคลุมทุกกระทรวงทุกหน่วยงานและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากกว่ากระทรวงพลังงานมาก ไม่แน่ใจและรู้สึกสับสนว่ามีหลักคิดอย่างไร หรือ นายปรีดี ดาวฉาย ไม่กล้าจะมาเป็น รองนายกฯ เพราะแค่ที่กระทรวงการคลัง งานก็จะหนักอยู่แล้ว อีกทั้ง อาจจะเป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เข้าใจกลไกทางเศรษฐกิจ การแต่งตั้งแบบนี้จะยิ่งทำให้ทำงานได้ยากและจะยิ่งเป็นปัญหา

          

3. การที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและเลขาธิการพรรค พปชร. ไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแค่รองนายกฯ เฉยๆ ไม่ได้ควบกระทรวงอะไร และนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค เป็นแค่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เท่ากับ ไม่ให้เกียรติพรรค พปชร. ที่เป็นพรรคใหญ่สุดที่ร่วมรัฐบาล ในขณะที่พรรคใหญ่ที่ร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ หัวหน้าพรรคและเลขาฯ ต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โตกันหมด นอกจากนี้แกนนำที่ควรได้เลื่อนขึ้นกำกับดูแลกระทรวงใหญ่ขึ้นก็ถูกปฏิเสธ พรรค พปชร. จึงดูเป็นเหมือนพรรคที่ไร้ค่า ไม่มีราคาทางการเมืองเลย ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้ ถึงขนาดมีการขู่กันว่าอาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อก

          

4. การแต่งตั้ง รมช. แรงงาน ทั้งที่ตำแหน่งนี้ไม่เคยมีมาตั้งแต่ ปี 2545 หรือ 18 ปีที่แล้ว ทั้งนี้เพราะกระทรวงแรงาน เป็นกระทรวงเล็ก การตั้งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมช. แรงงาน ทั้งที่เป็นทีมเศรษฐกิจของพรรรค พปชร. ยิ่งตอกย้ำการไม่ให้ค่า นางนฤมล และ พรรค พปชร. เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังแสดงว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รมว. แรงงาน อาจจะไม่มีความสามารถเพียงพอในการบริหารกระทรวงแรงงานนี้ได้คนเดียว หรือ อาจจะเหมือนกับจำเป็นต้องแต่งตั้งแบบไม่เต็มใจ ซึ่งหากเห็นคุณค่านางนฤมลจริง ก็น่าจะตั้งให้เป็น รมช.คลัง ที่มีความสำคัญมากกว่า และสามารถแต่งตั้ง รมช.คลัง ได้มากกว่า 1 คน ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจทรุดหนักนี้ จะสามารถมีบทบาทได้มากกว่า รมช. แรงงานนี้มาก

          

นายพิชัย กล่าวว่า จาก 4 ข้อนี้ จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ปรับ ครม. เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ แต่ปรับเพื่อแก้ปัญหาของตัวเองมากกว่า ภาพลักษณ์และชื่อชั้นของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังปรับ ครม. กลับยิ่งแย่หนักกว่าก่อนปรับ ครม. เสียอีก ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันหนักกว่ามาก ซึ่งจะทำให้ความลำบากของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ พล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง ทั้งที่ล้มเหลวมาตลอด ในปี 2562 ที่พล.อ.ประยุทธ์เริ่มเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยขยายได้เพียง 2.4% ในไตรมาสสุดท้าย ขยายได้ต่ำเตี้ยเพียง 1.9% ต่อเนื่องมา ปี 2563 นี้ เศรษฐกิจไทยจะติดลบหนักถึงกว่า -10% เลย และ ถึงไม่มีไวรัสโควิด เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะติดลบแต่อาจจะไม่มากเท่านี้

          

ซ้ำร้าย พล.อ.ประยุทธ์ยังกล้าประกาศว่า ตั้งแต่เข้ามาเศรษฐกิจไทยดีขึ้นมาตลอดจนมาเจอโควิด ซึ่งยิ่งตอกย้ำความไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจและยังหลอกตัวเอง อีกทั้งตั้งใจจะหลอกประชาชนซึ่งคงไม่มีใครเชื่อแล้ว ทั้งนี้เพราะ 6 ปีตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำที่สุด รายได้ประชาชนส่วนใหญ่ลดลง ไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นหลายล้านคน ซึ่ง เวิลด์แบงค์ ไอเอ็มเอฟ และ เอดีบี ก็บอกตรงกัน และเป็นภาวะกบต้มชัดเจนตามที่ตนได้เคยเตือนแล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์คงไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย จึงได้ส่งคนมาดำเนินคดีกับตน

          

นอกจากนี้ การที่พรรค พปชร. ขับไล่นายสมคิด และ 4 กุมาร จนต้องยกทีมลาออก ก็เพราะความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมรับความจริง หรือ ขาดความรู้และขาดสำนึกที่จะรับทราบความจริง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้น เรื่องแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำคือต้องเลิกหลอกตัวเอง แล้วยอมรับความจริง และ ศึกษาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อจะสามารถแก้ปัญหาได้ และถ้าพบว่า ปัญหาเกิดที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง ก็ต้องรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร เวลาในการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์น่าจะหมดแล้วใช่หรือไม่ หากยังดื้อรั้นจำนวนนักศึกษาและประชาชนที่จะออกมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะต้านทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น