วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

จำไว้!วิถีอารยะคือทำแบบมีนวัตกรรม


พุทธปณิธานชั่วโมงที่6เปรียบเทียบพุทธกับพราหมณ์เทวนิยมกับอเทวนิยมคืออะไร



วิจัย ๕
ไทยให้ความหมาย ๒ คำนี้เบาไป
เจโตปะณิธิ / มโนปะณิธาน – การวางจิตลง / การตั้งใจ
น่าจะใช้แทนคำ Mindset ได้
&&&&&&&&
(Mindset is possibly identical with the Buddhist term 'Manopanidhanna' / 'Cetopanidhana' that I regard as the 'Mindset for the Buddhahood'. Out of that, Vacipanidhana (verbal vow) and Kayapanidhana (physical vow) come. In this view, the Buddhist term is deeper in the meaning.)
@ คำถาม
ตามที่ได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับ Mindset ไปนั้นมีท่านที่สนใจถามมาว่า แล้วจะจะหาบาลีคำไหนมาใช้เป็นคำแปลหรือคำแทนของ Mindset ดี
ขอท้าวความสักนิด คราวที่แล้วหลังจากแสดงความเห็นเกี่ยวกับ Mindset แล้ว ผมได้ยกคำบาลีมาเทียบ คือ ปะณิหิตะจิตตะ (จิตที่วางไว้, จิตที่ตั้งไว้) หลายท่านพยักหน้ารับ และขอให้ผมหาลองคำที่ใกล้เคียงกว่านี้
“ได้ครับ” ผมตอบรับ แล้วนึกถึงคำ “เจโตปณิธิ / มโนปณิธาน” ขึ้นมาทันที เลยวันนี้ลองนำเสนอดู
@ คำ – ความหมาย
๐ เจโตปะณิธิ หรือ เจโตปณิธิ ในภาษาบาลี มาจาก เจโต ( จิต, ความคิด) + ปณิธิ (ป บทหน้า นิ > ณิ (เข้า, ลง) + ธิ (วาง) แปลกันตามตัวว่า การวางจิตลง หรือ จะแปลว่า การวางลงไปในจิต ก็น่าจะได้
๐ ส่วน มโนปะณิธิ หรือ มโนปณิธาน ในภาษาบาลี ก็มาจาก มโน (ใจ, ความคิด) + ปณิธิ (ป บทหน้า นิ > ณิ (เข้า, ลง) + ธิ (วาง) แปลเหมือนกับข้างบน
๐ เจโต กับ มโน เป็นศัพท์ตระกูลเดียวกัน หมายถึง จิต, ใจ, ความคิด (แล้วไทยก็เอาคำนี้ไปปรับใช้แล้วสร้างคำขึ้นมาอีกหลายคำ เช่น เจตคติ มโนทัศน์ มโนภาพ) เมื่อสมาส (มารวม) กับ ปณิธิ ไทยเราจึงแปลง่ายๆว่า การตั้งใจ การวางใจ
แต่เอาเข้าจริง คำนี้เมื่อพิจารณาถึงรูปคำที่สร้างขึ้นมาแล้ว การแปลเพียงแค่นี้ไม่พอ น่าจะลงลึกได้มากกว่านั้น คืออาจจะแปลได้อีกว่า การวางจิตลง การวางลงไปในจิต
๐ วางจิตลง คือ การวางจิตลงลึกไปในความดีที่มีเป้าหมายชัดเจน ส่วน การวางลงไปในจิต คือ การวางความดีที่มีเป้าหมายชัดเจนลงไปในจิต
๐ สรุปแล้ว คือ ความคิดทำดีที่ฝังลงลึกจนยากจะเปลี่ยนแปลง เพราะเกิดจากความประทับใจอย่างสุดซึ้งหรือสะเทือนใจอย่างลึกซึ้งกับเหตุการณ์รุนแรงเฉพาะหน้า อาจดีหรือร้ายก็ได้ จึงสำเร็จเป็นความคิดดีที่ถูกวางลงไปเพื่อเป้าหมายนั้นแล้วสร้างคุณธรรมขึ้นมาบ่มเพาะความคิดดีที่ฝังลงไปนั้นให้แก่กล้าหรือสุกหง่อม อย่างที่ภาษาบาลีเรียกว่า “ปริปากะ” และจิตวิทยาเรียกว่า “Maturity” ซึ่งนักการศึกษาไทยแปลเสียสวยหรูว่า “วุฒิภาวะ”
ความคิดดีที่วางลงลึกนั้น อาจเพื่อการแก้ไขหรือสร้างสรรค์แนวทางให้ได้สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์
@ ที่มาของคำ
๐ ผมคิดคำนี้ได้จากการศึกษา ปณิธาน ๓ ระยะของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ คือ ผู้ตั้งจิตปรารถนาบรรลุพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า มีปณิธานหรือการตั้งใจไว้ ๓ ระยะ ได้แก่ กายปณิธาน (ปณิธานระยะลงมือทำความดีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า) ตามที่มีวิจีปณิธาน (ปณิธานระยะเปล่งวาจาแสดงความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า) กายปณิธานและวจีปณิธานทั้งสองนี้มาจาก มโนปณิธาน คือ ปณิธานระยะคิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
๐ ที่ว่ามาว่าตามการแสดงออกที่จะให้เข้าใจง่าย แต่จริงๆแล้วต้องเริ่มต้นที่
๐๐ มโนปณิธาน คือ ตั้งใจหรือคิดปรารถนาที่จะบรรลุโพธิญาณก่อน โพธิญาณ คือ ความรู้ขั้นสูงสุด (อนุตตะรา โพธิ) มีตัวชี้วัด รู้ ตื่น เบิกบาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว แต่ตัวชี้วัดจริงต้องดูที่การแสดงออกของ พระมหากรุณา – ความสงสารอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อสรรพสัตว์ไม่จำกัดด้วยสงสารว่าสรรพสัตว์สรรพสิ่งมีทุกข์เหมืนกัน คือ เกิด แก่ ตาย แต่แม้จะมีทุกข์ขนาดนี้ก็ไม่มีสรรพสัตว์ตนใดจะแหวกว่ายพ้นทุกข์ไปได้ ความสงสารนี้มาจาก พระมหาปัญญา ที่ลึกซึ้ง เข้าใจสรรพสิ่งได้ทะลุปรุโปร่งตามเป็นจริง มองด้วยความเป็นเหตุเป็นผลได้ทุกแง่ทุกมุมไม่ติดขัด เป็นพระมหากรุณาและพระมหาปัญญาที่บ่มเพาะจนทำลายกิเลสได้หมดสิ้น จึงทำให้มี พระมหาวิสุทธิ – ความบริสุทธิ์อย่างยิ่งใหญ่
๐๐ แล้วจึงแสดงออกมาทาง วาจา เป็นวจีปณิธาน เป็นการให้คำมั่นสัญญากับสรรพสัตว์ว่า ท่านจะมาช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์ทั้งปวง เน้นไปที่ทุกข์หลัก คือ ชาติ หรือ การเกิด เมื่อพ้นจากการเกิดได้ ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่มี
๐๐ วจีปณิธาน อาจทำก่อนหรือพร้อมกับกายปณิธานก็ได้ เพราะแสดงว่า พูดแล้วทำ หรือ ทำตามที่พูด ซึ่งทั้งสองนี้ก็ออกมาจาก มโนปณิธาน
๐ ตัวอย่างของ มโนปณิธาน
๐๐ คัมภีร์หลายคัมภีร์บันทึก มโนปณิธานแรก ของพระพุทธเจ้าโคดมของเราไว้สรุปว่า
“...ชาตินั้น พระองค์เกิดเป็นชายยากจน ทำมาหากินลำบากมาก นอกจากเลี้ยงตัวเองยังต้องเลี้ยงมารดาผู้ชราอีกด้วย วันหนึ่ง ตัดสินใจรับเป็นนายเรือคุมเรือสิ่งสินค้าไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ แต่มีเงื่อนไขขอเอาแม่ผู้ชราไปด้วย หลังจากตกลงเรื่องค่าจ้างวิธีการทำงานตามเงื่อนไขแล้วก็ออกเรือ เดินทางไปออกไปกลางทะเลไม่กี่วัน เกิดมรสุมหนัก ท่านแสดงภาวะผู้นำด้วยการพยายามปลอบโยนลูกเรือไม่ให้เสียขวัญ แต่ในที่สุดก็สู้คลื่นลมไม่ได้ เรือแตกทะลุน้ำทะลัก ท่านจนปัญญาจะช่วยใครได้ เห็นภาพที่เรือแตกลูกเรือถูกฉลามฮุบบ้าง จมน้ำตายบ้าง ท่านเกิดธรรมสังเวช (สะเทือนใจในธรรม)อย่าแรง จึงตั้งจิตปรารถนาว่า
‘ทะเลกว้างใหญ่ มีอันตรายมากเหลือเกิน ดูเถอะ คนแหวกว่ายในทะเล ยากที่ใครจะรอดพ้นอันตรายได้ แต่ทะเลแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอันตรายกว่านี้มาก ไม่มีใครรอดพ้นจากเกิดแก่และตายไปได้เลย ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้า เราจะได้ช่วยสัตว์โลกให้ข้ามทะเลแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้’
จากนั้นก็คว้ากระดานแผ่นใหญ่แผ่นหนึ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้าได้ ประคองแม่นั่งบนแผ่นกระดาน แล้วใช้เท้าพุ้ยน้ำเกาะกระดานเข้าหาฝั่งได้สำเร็จ
นี่คือชาติแรกที่พระองค์คิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ และชาติแรกนี้ทำให้มีชาติต่อ ๆ มาถึงอีก ๔ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป (โอกาสหน้า ค่อยว่าเรื่องนี้)
๐๐ ผมอยากจะเรียก มโนปณิธาน ของพระโพธิสัตว์ครั้งแรกนี้ว่า “Mindset” คือ ความคิดที่ตั้งไว้จนกลายมาเป็นชุดความคิดที่นำไปสู่การพูดและทำตามความคิดที่ตั้งไว้ และคิดนี้เองที่ทำให้ธรรมทั้งหลายที่จะทำให้เป็นพระพุทธเจ้าหลั่งไหลออกมาเป็นชุด ๆ เช่น บารมี ๑๐ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ และสั้น ๆ หน่อยก็ได้ คือ มรรคมีองค์ ๘
@ สรุป
ฝากไว้ให้พิจารณากันนะครับ จะได้ประโยชน์มาก คือ ใช้แนวคิดฝรั่งเป็นทางเดินของคำสอนของพระพุทธเจ้า จะเรียกว่า บูรณาการ (Integration) ก็น่าจะได้ แล้วเราจะได้ไม่กระโจนไปตื่นเต้นตามตะวันตกอย่างเดียว
เราก็มีของดี...คำสอนของพระพุทธเจ้าใช้ได้หมด เสียแต่ว่าเราคงต้องกลับมาตั้งสติเรียนรู้ที่จะใช้ความรู้ของพระองค์ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมทั้งในแง่วิชาการและการใช้ในชีวิตจริง เพราะที่เหนือกว่าตะวันตก คือ
"ความรู้ของพระพุทธเจ้ายึดการสร้างสรรพร้อมกับขจัดกิเลสเป็นตัวตั้ง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.มหานิยม" ร่วมกมธ.ศาสนาสภาฯลงพื้นที่เพชรบุรี ติดตามและช่วยวัดที่มีปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่วัดเขาย้อย ฉลุยทุกวัดที่ยื่นและรอ

เมื่อวันที่  16 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่วัดเขาย้อยอำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรี คณะกรรมาธิการศาสนานำโดยนายวีระพล  จิตสัมฤทธิ์ สสศรีสะเกษ...