รังพระเครื่องของเสี่ยวิชัย รักศรีอักษร อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี”ซึ่งในช่วงที่ทีชีวิตอยู่มีพระเครื่องชั้นนำองค์ที่เป็นตำนานเข้าไปอยู่ในรังของเจ้าพ่อดิวตี้ฟรี มูลค่า ณ ปัจจุบัน มีการประเมินการกันว่าน่าจะอยู่ในหลัก ๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยการเช่าพระทุกครั้งต้องผ่านสายตาการคัดกรองของ นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ “ต้อย เมืองนนท์” อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และนายมงคล เมฆมานะ หรือ "โกเนี้ยว สำโรง" คณะกรรมการตัดสินพระเครื่องชุดเบญจภาคี สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
พระเครื่ององค์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระดังในตำนาน เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ "องค์เปาบุ้นจิ้น" เช่าไปในราคา ๒๕ ล้านบาท พระสมเด็จที่บริษัท บางกอก อ๊อกชั่น เฮาส์ จำกัด ได้เปิดการประมูลพระเครื่องและผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังในเมืองไทย เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ ที่ห้องนิทรรศการชั้น ๔ เดอะ สีลม แกลเลอเรีย ในครั้งนั้นมีผู้ประมูลไป ๒๔ ล้านบาท ก็ย้ายมาอยู่ในรังของเสี่ยวิชัย
รวมทั้งพระรอด กรุวัดมหาวัน ลำพูน พิมพ์ใหญ่ องค์ประวัติศาสตร์ที่เคยอยู่กับเสี่ยพรทัศน์ บูรณปกรณ์ คนวงการคุ้นหน้าตาพระองค์นี้ดี บัดนี้ได้เปลี่ยนมือไปอยู่ในรังของเจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ในราคา ๑๓ ล้านบาท
นอกจากเช่าพระในตำนานเข้าเก็บในรังพระของตัวเองแล้ว เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าพ่อดิวตี้ฟรีได้เช่า "พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัย พุทธศิลป์งดงามมาก" โดยเจ้าพ่อดิวตี้ฟรีได้เช่าในราคาทุนเป็นเงินจำนวน ๑๕ ล้านบาท
เพื่อประดิษฐานเป็นการถาวรในมณฑปด้านหลัง หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ ให้ประชาชนทั่วไปได้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่มีเรื่องราวเล่าขานกันมากถึงความอาถรรพณ์ "ถ้าใครครอบครองไว้จะมีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัวตลอด" ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ "พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัย พุทธศิลป์งดงามมาก" พุทธลักษณะและขนาดเดียกันนี้ มี ๗ องค์ บางกระแสว่ามี ๓ องค์
มีคำรำลือ ในหมู่นักสะสมพระบูชาว่า "เป็นพระบูชาต้องคำสาปอาถรรพ์" ที่ว่า "ใครซื้อ บูชา และ มีไว้ในครอบครอง ชีวิต ครอบครัว ธุรกิจ จะประสบกับความพังพินาศ"
นายสมนึก ศรีผ่องใส หรือที่วงการพระรู้จักกันดีในนาม โกยี สุโขทัย เซียนพระผู้เชี่ยวชาญพระบูชาย แห่งวงการเครื่องเมืองไทยอยู่ในวงการพระมานานกว่า ๓๐ ปี ให้ข้อมูลว่าทั้งนี้เมื่อประมาณ ๓๐ ปี ก่อน เจ้าของบริษัท มาหาชน แห่งหนึ่ง ได้เช่าพระ ๑ ใน ๗ องค์ นี้ไปตั้งโชว์ไว้ในห้องพระของบริษัท ให้หลังจากนั้น ๒-๓ ปี บริษัท มาหาชน ดังกล่าวที่ขึ้นชื่อ ว่าแข็งแกร่งที่สุดไม่มีวันจะล้ม ธุรกิจหลายประเภท ที่ดินหลายพันไร่ มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
แต่ทราบว่าด้วยเหตุผลประกาศใดกันแน่ อยู่ๆ บริษัทพังพินาศ เป็นหนี้หลายพันล้ายบาท สุดท้ายบริษัทถูกปิดตัวลง บัดนี้ "พระบูชาต้องคำสาปอาถรรพ์" ๑ องค์ ได้คืนสู่วัด เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา โดยประดิษฐานเป็นการถาวรในมณฑปด้านหลัง หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรฯ ส่วนอีก ๒ หรือ ๖ องค์ ใครครอบครอง ประดิษฐานอยู่ บ้าน หรือ บริษัทใด โปรดรับรู้ด้วยว่า "ใครซื้อ บูชา และ มีไว้ในครอบครอง ชีวิต ครอบครัว ธุรกิจ จะมีอันเป็นไปและประสบกับความพังพินาศ"
รีบๆ เอาไปถวาย คืน วัด และทำพิธีถวายคืนให้ถูกต้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น