วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

"อนุทิน"ย้ำจุดยืนภูมิใจไทย ทำงานพิสูจน์คุณค่าพร้อมฟังเสียงคน



พรรคภูมิใจไทย ก้าวสู่ปีที่ 12 จัดประชุมพรรคภายใต้มาตรการคุมเข้ม โควิด-19 โชว์ ผลงานรัฐมนตรี และ ส.ส. ประกาศเป็นพรรคการเมืองเชิงปฏิบัติการ มีเสียงในสภาเป็นอันดับ 2 และเป็นเอกภาพ มากที่สุดในพรรคร่วมรัฐบาล "อนุทิน"  ย้ำจุดยืนพรรคปฏิบัติการ ใช้การทำงานพิสูจน์คุณค่า ย้ำทิศทางการเมือง พร้อมฟังเสียงประชาชน เตรียมหารือ ครม.ดันค่าตอบแทน อสม.19 เดือน 


วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 ที่อาคาร นิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ พรรคภูมิใจไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ภายใต้มาตรการ รักษาระยะห่างทางสังคม Social Distancing โดยมีการส่งแบบคัดกรอง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และมีการตรวจวัดอุณหภูมิ แจกหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งเจลล้างมือ โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ควบคุมอย่างใกล้ชิด โดยมี ผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนสาขาพรรค สมาชิกพรรคทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่จากสำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าร่วมสังเกตการณ์

"อนุทิน"ย้ำจุดยืนพรรคปฏิบัติการ ใช้การทำงานพิสูจน์คุณค่า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเปิดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ของพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย พูดไม่เก่ง จำเป็นต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตรงไหน แต่ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ทราบดีว่าเป็นผู้แทนประชาชน การทำงานจะนึกถึงจุดนี้เป็นสำคัญ พรรคได้เดินหน้านโยบายของพรรคไปแล้ว บางนโยบายเดินหน้าไปถึงครึ่งทาง บางนโยบายได้ยื่นเรื่องให้สภาพิจารณาแล้ว

นโยบายกัญชาทางการแพทย์ พรรคทำอย่างสุดความสามารถ ได้พยายามทำลายทุกข้อจำกัด มีคำถามว่านโยบาย 6 ต้น อยู่ไหน ขอตอบว่าวันนี้ มันอยู่ในสภา ในอนาคตจะอยู่ที่บ้านประชาชน ขณะนี้ กำลังปลดล็อกสารสำคัญที่มีอยู่ในกัญชา และกัญชง เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ 

ขอย้ำว่า การเดินหน้าของพรรค ไม่ได้หวังให้ประชาชนนำมาใช้เพื่อความบันเทิง เราต้องการเพิ่มทางเลือกทางการแพทย์ และเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจเท่านั้น 

นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนโยบายด้านการคมนาคมว่า ทางพรรคพยายามอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน บนการใช้งบที่คุ้มค่าสูงสุด บางโครงการสามารถประหยัดงบได้มากถึง 30%

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังให้ความสำคัญกับเรื่องชีวิต ปากท้องของประชาชน ด้วยนโยบาย นำยางพารามาทำเป็นแบริเแอร์ เพิ่มความต้องการใช้ยาง ดันราคาให้สูงขึ้น 

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยเจอวิกฤติโควิด-19 แต่ก็สามารถควบคุมการระบาดได้ดี ไม่มีผู้ป่วยในประเทศมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ไม่มีผู้ป่วยอาการหนัก ที่พบการติดเชื้อ ล้วนมาจากต่างประเทศ การสาธารณสุขไทย ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งหมด มาจากการทำงานหนัก 

นโยบายของพรรคภูมิใจไทย นอกจากจะถูกชะลอจากสถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์การเมือง ก็มีผลกระทบต่อการเดินหน้านโยบาย วันนี้ มีการเรียกร้องรัฐบาล ซึ่งทางพรรคสนับสนุนให้รับฟังเสียงประชาชน และต้องช่วยกันทุกวิถีทาง ไม่ให้ความเห็นต่างทางความคิด กลายเป็นความแตกแยก ขณะที่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ทางพรรคไม่เคยขัดขวาง แต่การแก้ไข สมควรเกิดขึ้น เมื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เห็นด้วย และการแก้ไขต้องเป็นไปตามกฎหมาย มีการทำประชามติ และตั้ง สสร. สุดท้ายแล้ว พรรคภูมิใจไทยพร้อมทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง และพร้อมฟังเสียงประชาชน


โชว์ผลงานรัฐมนตรีและ ส.ส. 

การจัดการประชุมสามัญประจำปี พรรคภูมิใจไทย ได้มีการจัดนิทรรศการ “ภูมิใจไทยนิทรรศน์” นำผลงานเด่น ๆ ของ รัฐมนตรี 7 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 61 คน และสมาชิกพรรค ที่ร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ผ่านบอร์ดนิทรรศการ และคลิป VTR ที่สามารถสแกนผ่าน QR Code หรือผ่านช่องทาง ยูทูบ ให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าไปรับชมได้ 
.
พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองปฏิบัติการ เป็นพรรคที่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 61 คน ถือเป็นพรรคใหญ่ในอันดับ 2 ของรัฐบาล มีเอกภาพมากที่สุด 
.
รัฐมนตรี ทั้ง 7 คน ของพรรคภูมิใจไทย มีผลงานตามนโยบาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีผลงานที่ก้าวหน้า อาทิ กัญชาเสรีทางการแพทย์ ปัญหาสุขภาพประชาชน สร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการบรรจุเป็นข้าราชการ ส่งเสริมบทบาทอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพิ่มค่าตอบแทน 500 บาท/คน/เดือน ยกระดับการให้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ลดความหนาแน่นในโรงพยาบาลด้วยการรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้าน, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แก้ปัญหาความปลอดภัยในจราจร โครงการยางพาราหุ้มแบริเออร์ โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพระราม2 แผนฟื้นฟู ขสมก. แก้ปัญหาการเดินทางให้ประชาชนสะดวก สบาย 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยว มีผลงานอันโดดเด่น เช่น ยกระดับการท่องเที่ยวชุมชน ผลักดันประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาหาร และวัฒนธรรม ส่งเสริมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว เช่น จัดการแข่งขันโมโตจีพี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3 พันล้านบาท และส่งเสริม E-sport ให้เป็นที่นิยมแพร่หลาย, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีผลงานอันโดดเด่นเรื่องการแบน 3 สารพิษ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต, ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กศน. WoW WoW และโครงการลูกเสือมัคคุเทศก์ ห้องสมุดดิจิทัล ปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลครูเอกชน, 

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผลงานอันโดดเด่นเรื่อง ในการเพิ่มช่องทางการขายสินค้า ด้วยโครงการเฟ้นหาสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) พัฒนาสินค้าสู่ สมาร์ทโชวห่วย พัฒนาธุรกิจบริการด้านสุขภาพ และผู้สูงอายุ, ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีผลงานอันโดดเด่นเรื่องสินค้าโอทอปครบวงจร บูรณาการประปานครหลวง ประปาส่วนภูมิภาค แก้ปัญหาภัยแล้ง การป้องกัน และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน
.
ขณะที่ผลงานของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 61 คนของพรรคภูมิใจไทย มีความโดดเด่นในเรื่องการเสนอกฎหมายสำคัญ ตามนโยบายที่ได้รณรงค์เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จำนวน 12 ฉบับ ต่อประธานรัฐสภา อาทิเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ปลูกกัญชา 6 ต้น ได้เข้าสู่สภาแล้ว หนี้ กยศ. และเรื่องแอปพลิเคชันเรียกรถบริการ แก้หนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การแบ่งปันกำไรพืชผลการเกษตร โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีการใช้บทบาทสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการหารือประธานสภาผู้แทนราษฎร การยื่นกระทู้ การยื่นญัตติ เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน เป็นประจำทุกสัปดาห์ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และลงพบปะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเป็นประจำด้วย 

"อนุทิน" เตรียมหารือ ครม.ดันค่าตอบแทน อสม.19 เดือน 

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมตัดงบค่าตอบแทน อสม. 500 บาท เหลือเพียง 7 เดือน จากที่ สธ.เสนอไป 19 เดือนว่า เราตั้ง ศบค.ขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ประกาศโควิด-19  เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ต่อมา กระทรวงสาธารณสุข ได้รับการจัดสรรงบจาก พ.ร.ก.เงินกู้ มา 4.5 หมื่นล้านบาท จากนั้น เพื่อการเพิ่มขวัญกำลังใจคนทำงาน ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกฝ่ายได้หารือกันอย่างละเอียดเรียบร้อยรอบคอบแล้ว ควรจะต้องตอบแทนความเสี่ยงภัยของพี่น้อง อสม. เป็นเงิน 500 บาท ต่อคน เป็นระยะเวลา 19 เดือน

การทำงานของ อสม.หนักหนาสาหัส ตลอดการทำงานเต็มไปด้วยความเสี่ยง มีคนเจ็บป่วย และเสียชีวิตจากการทำงานหนัก อสม.เป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้ประเทศไทยปลอดภัยจากโควิด-19 มาถึงทุกวันนี้ และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี  ถือว่าเป็นผลงานที่สำคัญของ อสม.ทั่วประเทศ​ และขอยืนยันว่าการจัดวงเงินตอบแทน อสม. อยู่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เบียดเบียนหน่วยงานอื่น ดังนั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะมีการปรับลดงบที่จะให้ อสม. โดยเฉพาะเมื่อเป็นข้อเสนอจากหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลด้านสาธารณสุข เป็นหน่วยงานที่ไม่ได้เห็นการทำงานจริง ในฐานะรัฐมนตรีของกระทรวงฯ จำเป็นต้องทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง 

"ในเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นี้ สุดท้ายต้องเข้าไปหารือใน ครม.และตนจะต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ อสม.ได้ค่าตอบแทนความเสี่ยงครบ 19 เดือน ตามที่ สธ.เสนอไป ไม่ใช่เหลือ 7 เดือน ตามที่เป็นข่าว และหากจะมีปัญหา ก็อยากให้มาคุยกัน แต่อย่าไปตัดสิทธิ์ของประชาชน" นายอนุทิน กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น