เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2565 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว อดีต ส.ส.นครราชสีมาและอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ จำนวนทั้งสิ้น 9 คน โดยจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย 1. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ 2. นายสุพงษ์พิช รุ่งเป้า 3. นายวัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ 4. น.ส.ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ ขณะที่จังหวัดบุรีรัมย์ 1. นายจำรัส เวียงสงค์ 2. นายสุรศักดิ์ นาคดี 3. นายวิธันพัศ เฮงวาณิชย์ถิรธนา
4. นายเล็ง พยุงแสนกุล 5. ว่าที่ ร.ต.เสนาะ พรหมสวัสดิ์ ที่ตบเท้าเข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หลังผ่านการพิจารณาเบื้องต้นตามกระบวนการภายในพรรคเพื่อไทยให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย เบื้องต้น ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ทุกท่านได้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกโดยกระบวนการภายในของพรรคเพื่อไทยเป็นเบื้องต้น ก่อนที่จะต้องนำไปสู่การพิจารณาตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทั้งการหยั่งเสียงจากพี่น้องประชาชนหรือไพรมารีโหวต และเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการสรรหารวมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมาย ซึ่งแต่ละท่านมีศักยภาพที่จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในการร่วมกันแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนและนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตตามเป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยทั้งแผ่นดิน ให้ได้ ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือ ให้ได้ ส.ส. 250 เสียงขึ้นไป เพื่อนำไปสู่การสร้างความหวังและอนาคตที่ดีให้ลูกหลาน
นายประเสริฐ กล่าวว่า อดีต ส.ส.และผู้ที่เข้าร่วมอุดมการณ์พรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ล้วนแต่มีประสบการณ์การทำงานการเมือง การช่วยเหลือประชาชนและประสบการณ์ทางธุรกิจ รวมถึงคนรุ่นใหม่ ซึ่งเล็งเห็นปัญหาของพี่น้องประชาชนและวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ไขปัญหาและนำพาพี่น้องประชาชนออกจากวิกฤต ซึ่งพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จะนำโดย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต ส.ส.นครราชสีมาและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุพงษ์พิช รุ่งเป้า อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายวัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ นักธุรกิจชาวจังหวัดนครราชสีมา และ นางสาวณัฐจิรา อิ่มวิเศษ นักธุรกิจรุ่นใหม่ชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีส่วนอย่างยิ่งในการผลักดันโครงการเมืองโคราชมหานคร
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จะนำโดย นายสุรศักดิ์ นาคดี อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ นายจำรัส เวียงสงค์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ถิรธนา อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ นายเล็ง พยุงแสนกุล และ ว่าที่ร้อยตรีเสนาะ พรหมสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ซึ่งมีประสบการณ์การประสานงานในองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพและการพัฒนาด้านการศึกษา โดยพรรคได้มอบหมายให้ทั้ง 9 ท่าน ซึ่งถือเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเบื้องต้นให้ลงพื้นที่ช่วยเหลือและประสานงานในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
นายบุญจง กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่ให้โอกาสมาทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย และไว้วางใจให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เบื้องต้น ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้พี่น้องประชาชนเดือนร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลที่บริหารอยู่ในขณะนี้ไม่ได้เร่งแก้ไขปัญหา ปล่อยให้พี่น้องประชาชนต้องยากลำบาก ปล่อยให้ราคาน้ำมันแพง สินค้าราคาแพง ปุ๋ยแพงแต่สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ซึ่งขณะนี้พี่น้องประชาชนในพื้นที่สะท้อนอย่างชัดเจนว่าให้เรามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นความหวังให้พี่น้องประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะไม่ทอดทิ้งคนรากหญ้า ซึ่งเราพร้อมจะมาเป็นฟันเฟืองในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้
สำหรับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย สังกัดพรรคภูมิใจไทย และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้ลงเลือกตั้ง ในสังกัดพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
"หมอชลน่าน"ชี้"บิ๊กป้อม"นั่งนายกฯสำรองได้ หากผู้มีอำนาจต้องการสืบทอดอำนาจ
พร้อมกันนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวถึงความเป็นไปได้กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้ามานั่งนายกฯสำรอง ว่า หากนายกฯคนปัจจุบันคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจำเป็นจะต้องมีนายกฯรักษาการ เว้นแต่พ้นจากตำแหน่งด้วยเงื่อนไขให้ปลัดกระทรวงขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนาจต้องคุยกันว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งใครจะเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งพล.อ.ประวิตร ก็มีโอกาสเป็นนายกฯสำรองได้ตามกระบวนการ แต่อยู่ที่ผู้อำนาจจะเลือกใคร หากอยากต้องการจะสืบอำนาจต่อก็คงเลือกพล.อ.ประวิตร แต่หากเห็นแก่ชาติบ้านเมืองก็คงเป็นคนอื่น
ส่วนการเลือกนายกฯรักษาการ จากกลไกรัฐธรรมนูญ เดิมคือเลือกจากบัญชีแคนดิเดตที่พรรคการเมืองเคยเสนอไว้ก่อน ซึ่งมี 5 รายชื่อ ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายชัยเกษม นิติศิริ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ แต่หากยังไม่สามารถเลือกได้อีก ก็สามารถใช้กลไกรัฐสภาเข้าชื่อ 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด เปิดช่องเลือกนายกฯคนนอกได้ด้วย
สำหรับกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมร่วมรับประทานอาหารกับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้ากลุ่ม 16 เพื่อแลกเปลี่ยนเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งที่ผ่านมาเคยพูดแล้วว่าลำพังเสียของฝ่ายค้านหากต้องการล้มรัฐบาลไม่เพียงพอ จำเป็นจะต้องกลไกทุกอย่างเพียงให้ได้มาของเสียงที่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้ยังต้องการอีกอย่างน้อย 30 เสียง เพื่อให้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา
ส่วนการดำเนินการของฝ่ายค้าน ยืนยันจะใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการอภิปรายตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่า หากข้อมูลมีน้ำหนักมากพอ เป็นที่ประจักษ์ตามที่ประชาชนเห็น ส.ส.ที่เห็นว่าต้องการทำงานเพื่อบ้านเมืองย่อมตัดสินใจได้ ซึ่ง ส.ส.พรรคเล็กเหล่านี้ ก็เปิดใจที่จะใช้สภา กู้วิกฤตศรัทธาในการทำงานของผู้แทนราษฎร หลังถูกกล่าวหาว่ากินกล้วย รับผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ ทำงานเพื่อตัวเองอย่างเดียว
นพ.ชลน่าน ระบุถึงกระแสข่าวขบวนการล้มนายกฯ ที่มีการตั้งค่าหัว ส.ส. สูงถึง 5-30 ล้านบาทนั้นส่วนตัวก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากสื่อมวลชน ไม่รู้ว่าเจตนาของผู้ปล่อยข่าวนี้ มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ อย่างไรก็ดี ขบวนการล้มนายกฯที่ว่านั้น เป็นกลไกตามวิถีประชาธิปไตยผ่านระบบรัฐสภา ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
"ผมยืนยันฝ่ายค้านไม่ล้มนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการอื่นแน่นอน ให้ไปดูเอาเอง หาก ส.ส.ยกมือไม่ไว้วางใจ ก็สามารถสืบทราบได้อยู่แล้วว่า ค่าหัวที่ตั้งไว้เป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า การที่ ส.ส.ยกมือเห็นด้วยกับฝ่ายค้านนั้น เป็นเพราะความต้องการกู้วิกฤตศรัทธาให้ตัวพวกเขา หรือพรรคของพวกเขาเอง หากไปติดบ่วงอื่น ก็เท่ากับการขุดหลุมฝังตัวเองทั้งเป็น" นพ.ชลน่าน ระบุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น