มท.ยกฐานะวัดถ้ำกระบอกสระบุรี เป็น"ศูนย์บำบัดยาเสพติด"ถูกต้องตามมาตรฐานสธ. ต้นแบบวัดมีส่วนร่วมฟื้นฟูจิตใจคืนคนดีสู่สังคม
วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2565 เวลา 13:30 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และคณะอนุกรรมการ ในการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวปาณี นาคะนาท ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เรือโท ภัทรชัย ขันธหิรัญ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง นายปวเรศ รัฐขจร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย นางขนิษฐา จิรพิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 โดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรองประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่ในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และวางแผนขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดนอกเหนือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจอยู่แล้วในทุกมิติ ด้วยการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนที่พบเห็นได้มีโอกาสร่วมมือกับภาครัฐด้วยการแจ้งเบาะแสผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด และกลุ่มมิจฉาชีพที่แสวงหาประโยชน์จากบุคคลดังกล่าว โดยจัดให้มีระบบการแจ้งข้อมูล การคุ้มครองพยาน และการบูรณาการประสานงานรับผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ณ สถานที่บำบัดรักษา จนจบกระบวนการ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน โดยมีศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย 1567 เป็นสายด่วนหลักในการบูรณาการศูนย์บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด หรือ “สายด่วนเลิกยาเสพติด” ร่วมกับภาคีเครือข่ายสายด่วนทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง และมุ่งพัฒนาสู่ระบบการโอนสายส่งต่อ (ระบบ Call Forward) โดยใช้ฐานข้อมูลผู้เสพฐานเดียวในการบูรณาการความช่วยเหลือ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้เป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการทำหน้าที่ที่มีความสำคัญของชาติ ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการมุ่งมั่น “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการตามแนวทางการดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา
มีหลักการสำคัญในการเน้นการส่งผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดแบบสมัครใจ โดยมอง “ผู้เสพ” คือ “ผู้ป่วย” เพื่อบำบัดรักษาให้ได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับมากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก เป็นการคืนคนดีสู่สังคม รวมทั้งดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย พร้อมจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม กว่า 1,200 แห่ง เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับมากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยมีกลไกกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชน เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนทั้งมิติป้องกันปราบปรามและการช่วยเหลือฟื้นฟู
“ในด้านการฟื้นฟู/บำบัดรักษา กระทรวงมหาดไทย ขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุข ในการพิจารณารับรองและยกฐานะ “ศูนย์บำบัดยาเสพติดวัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี” ให้เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดที่ได้รับการรับรองที่ถูกต้องและได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งวัดถ้ำกระบอก ถือเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยความรู้ (Know-how) ของคณะสงฆ์วัดถ้ำกระบอก ได้ช่วยให้ประชาชนผู้หลงผิดจากทั่วประเทศได้หายจากการติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น
“กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนแนวทางความสำเร็จของการ “คืนคนดีสู่สังคม” และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อเป้าหมาย คือ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีความสุข ด้วยกลไกภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายผลจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมให้มีในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน โดยบูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนา
กระทรวงมหาดไทยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ร่วมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ร่วมกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อใช้วัดเป็นหมุดหมายที่สำคัญ ทั้งในด้านการใช้อาคารสถานที่และการดูแลจิตใจให้ผู้ได้รับการบำบัดฟื้นฟูมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคม” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น