เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ที่อาคารรัฐสภา คณะอนุกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือแนวทางการป้องกันและคุ้มครองพระพุทธศาสนา
นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการศาสนา กับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นตรงกันว่า พวกเราในฐานะชาวพุทธ ต้องร่วมมือกันปกป้องและคุ้มครองพระภิกษุสงฆ์ ให้ท่านปฎิบัติศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ ประเด็นที่หารือมีหลายประเด็น ประเด็นหนึ่งที่เราหยิบยกขึ้นมาเพราะเห็นว่าสำคัญคือ ระเบียบพระวินยาธิการหรือตำรวจพระ พ.ศ.2562 ที่ประกาศใช้ไปแล้ว ทำไมคณะสงฆ์ไม่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ตรงนี้ไปดูแลคณะสงฆ์ด้วยกันเอง
เห็นจุดสังเกตหลายประการที่ประชุมเห็นว่ามีหลายเรื่องจำเป็นต้องแก้ระเบียบตรงนี้ เช่น เรื่องงบประมาณที่ทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติบอกว่า สนับสนุนปีละแค่ 2,000 บาทต่อรูป ซึ่งเรามองว่าแบบนี้จะทำงานได้อย่าง อย่าว่าแต่ค่าน้ำมันเลย ค่าโทรศัพท์ก็ไม่พอแล้ว คิดดูพระวินยาธิการมีตำบลละ 2 รูปทั่วประเทศ แต่งบประมาณไม่มีอะไรให้ท่านเลย เครื่องมือเครื่องไม้อะไรก็ไม่มี รวมทั้งการทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ ก็ไม่มี
"ที่ประชุมสรุปตรงกันว่าต่อไปนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะเปิดสายด่วนรับเรื่องร้องเรียนทั้งพฤติกรรมพระที่ไม่ดี ทั้งสิ่งที่มาทำลายคณะสงฆ์ สิ่งแปลกปลอมที่จะมากระทบต่อพุทธศาสนา ตลอด 24 ชม.ตรงนี้สำนักงานพุทธท่านรับปากว่าทำได้จะดำเนินการเร็ว ๆ นี้ เมื่อรับเรื่องแล้วจะส่งต่อเหมือนสายด่วน 191 ตอนนี้กำลังหาหมายเลขกันอยู่ และเรื่องระเบียบพระวินยาธิการก็กำลังดูว่าจะแก้ไขตรงไหนได้บ้าง เรื่องนี้คงจะต้องเข้าไปพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในฐานะที่ มส.มอบให้ทำดูแลการปกครอง และพระพรหมโมลี วัดปากน้ำ เรื่อง พระวินยาธิการ.." นายเพชรวรรต กล่าวและว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน หากดูแล้ว การแก้ระเบียบพระวินยาธิการมันช้า จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็อาจจะฝากให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหารือกับหน่วยงานเหล่านี้ เพื่อขอความร่วมมือเซ็นต์ MOU ร่วมกันเพื่อให้มันเร็วขึ้น ในการช่วยกันดูแลพระสงฆ์ ดูแลพระพุทธศาสนา และคิดว่าไม่เฉพาะแค่ 2-3 หน่วยงานนี้เท่านั้นแม้กระทั้ง สภาทนายความ ซึ่งท่านมีบุคลากรอยู่ทุกจังหวัดก็อาจจะดึงมาร่วมด้วยช่วยกัน เรื่องนี้ กมธ.ศาสนาจะปรึกษากับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น