ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ เรื่อง "วิเคราะห์ ธนิยสูตร ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค ที่ประกอบด้วย
ธนิยสูตรที่ ๒
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
[๒๙๕] เรามีข้าวสำเร็จแล้ว มีน้ำนมรีด (จากแม่โค) รองไว้แล้ว
มีการอยู่กับชนผู้เป็นบริวารผู้มีความประพฤติอนุกูลเสมอกัน
ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี เรามุงบังกระท่อมแล้ว ก่อไฟไว้แล้ว
แน่ะฝน หากว่าท่านย่อมปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
เราเป็นผู้ไม่โกรธ มีกิเลสดุจหลักตอปราศไปแล้ว เรามีการ
อยู่สิ้นราตรีหนึ่งที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี กระท่อมมีหลังคาอัน
เปิดแล้ว ไฟดับแล้ว แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญ
ตกลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
เหลือบและยุงย่อมไม่มี โคทั้งหลายย่อมเที่ยวไปในประเทศ
ใกล้แม่น้ำซึ่งมีหญ้างอกขึ้นแล้ว พึงอดทนแม้ซึ่งฝนที่ตกลงมา
ได้ แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
ก็เราผูกแพไว้แล้ว ตกแต่งดีแล้ว กำจัดโอฆะ ข้ามถึงฝั่งแล้ว
ความต้องการด้วยแพย่อมไม่มี แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนา
ก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
ภริยาเชื่อฟังเรา ไม่โลเล เป็นที่พอใจ อยู่ร่วมกันสิ้น
กาลนาน เราไม่ได้ยินความชั่วอะไรๆ ของภริยานั้น
แน่ะฝน หากท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
จิตเชื่อฟังเรา หลุดพ้นแล้ว เราอบรมแล้ว ฝึกหัดดีแล้วสิ้น
กาลนาน และความชั่วของเราย่อมไม่มี แน่ะฝน หากว่า
ท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
เราเป็นผู้เลี้ยงตนด้วยอาหารและเครื่องนุ่งห่มและบุตรทั้งหลาย
ของเราดำรงอยู่ดี ไม่มีโรค เราไม่ได้ยินความชั่วอะไรๆ ของ
บุตรเหล่านั้น แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
เราไม่เป็นลูกจ้างของใครๆ เราเที่ยวไปด้วยความเป็น
พระสัพพัญญูผู้ไม่มีความต้องการในโลกทั้งปวง เราไม่มี
ความต้องการค่าจ้าง แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญ
ตกลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
โคแก่ ลูกโคอ่อนที่ยังไม่ได้ฝึก แม่โคที่มีครรภ์ ลูกโคหนุ่ม
แม่โคผู้ปรารถนาประเวณีมีอยู่ อนึ่ง แม้โคที่เป็นเจ้าฝูง
แห่งโคก็มีอยู่ แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลง
มาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
โคแก่ ลูกโคอ่อนที่ยังไม่ได้ฝึก แม่โคที่มีครรภ์ ลูกโคหนุ่ม
แม่โคที่ปรารถนาประเวณีก็ไม่มี อนึ่ง แม้โคที่เป็นเจ้าฝูง
แห่งโคก็ไม่มี แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตก
ลงมาเถิด ฯ
นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า
เสาเป็นที่ผูกโคเราฝังไว้แล้ว ไม่หวั่นไหว เชือกสำหรับผูก
พิเศษประกอบด้วยปมและบ่วงเราทำไว้แล้ว สำเร็จด้วย
หญ้ามุงกระต่ายเป็นของใหม่มีสัณฐานดีสำหรับผูกโคทั้งหลาย
แม้โคหนุ่มๆ ก็ไม่อาจจะให้ขาดได้เลย แน่ะฝน หากว่า
ท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
เราจักไม่เข้าถึงการนอนในครรภ์อีก เหมือนโคตัดเชือก
สำหรับผูกขาดแล้ว เหมือนช้างทำลายเถากระพังโหมได้แล้ว
ฉะนั้น แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด ฯ
ฝนได้ตกเต็มทั้งที่ลุ่ม ทั้งที่ดอน ในขณะนั้นเอง นายธนิยะ
คนเลี้ยงโคได้ยินเสียงฝนตกอยู่ ได้กราบทูลเนื้อความนี้ว่า
เป็นลาภของข้าพระองค์ไม่น้อยหนอ ที่ข้าพระองค์ได้เห็น
พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระองค์ผู้มีจักษุ ข้าพระองค์ขอถึง
พระองค์ว่าเป็นสรณะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหามุนี ขอ
พระองค์ทรงเป็นพระศาสดาของข้าพระองค์ ทั้งภริยาทั้ง
ข้าพระองค์เป็นผู้เชื่อฟัง ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสุคต
ข้าพระองค์เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งชาติและมรณะจะเป็นผู้กระทำซึ่ง
ที่สุดแห่งทุกข์ได้ ฯ
มารผู้มีบาปได้กล่าวคาถาว่า
คนย่อมเพลิดเพลินเพราะอุปธิทั้งหลาย เปรียบเหมือน
บุคคลผู้มีบุตร ย่อมเพลิดเพลินเพราะบุตร บุคคลมีโค
ย่อมเพลิดเพลินเพราะโค ฉะนั้น คนผู้ไม่มีอุปธิ ย่อมไม่
เพลิดเพลินเลย ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบว่า
คนย่อมเศร้าโศกเพราะอุปธิทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคล
ผู้มีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร บุคคลผู้มีโค ย่อม
เศร้าโศกเพราะโค ฉะนั้น คนผู้ไม่มีอุปธิ ย่อมไม่
เศร้าโศกเลย ฯ
ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ อุรคสูตร ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น