วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ วิชยสูตร

วิเคราะห์วิชยสูตรในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต 1 อุรควรรค ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมประยุกต์ใช้

บทนำ วิชยสูตรที่ 11 จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เป็นพระสูตรที่กล่าวถึงธรรมชาติของร่างกายและความสำคัญของการพิจารณากายตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดปัญญาและละวางความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาปัญญาและการปฏิบัติธรรมตามแนวทางพุทธสันติวิธี บทความนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาของวิชยสูตร พร้อมทั้งประยุกต์ใช้สาระสำคัญในบริบทของการดำเนินชีวิตและการสร้างสันติสุขในสังคม

เนื้อหาและการวิเคราะห์วิชยสูตร

  1. โครงสร้างของร่างกายและความไม่สะอาด วิชยสูตรเริ่มต้นด้วยการพรรณนาถึงความเคลื่อนไหวและองค์ประกอบของร่างกาย ได้แก่ กระดูก เอ็น หนัง เนื้อ และอวัยวะภายในต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยของไม่สะอาด เช่น น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ และของเสียอื่นๆ ที่หลั่งออกจากช่องทางทั้งเก้า พระพุทธเจ้าใช้ภาพพจน์นี้เพื่อเน้นให้เห็นว่าร่างกายที่ดูสวยงามในสายตาของคนทั่วไป แท้จริงแล้วเป็นเพียงสิ่งที่ไม่สะอาดและเสื่อมสลายได้

  2. ความสำคัญของการเห็นตามความเป็นจริง พระสูตรกล่าวว่า ปุถุชนผู้ยังมีอวิชชาจะมองร่างกายด้วยความหลงใหล เห็นเป็นของสวยงาม แต่ผู้ที่ได้ฟังพระพุทธพจน์และเจริญปัญญาจะเห็นร่างกายตามความเป็นจริง ว่าเป็นเพียงสิ่งไม่สะอาดและไม่ควรยึดมั่น การพิจารณากายตามความเป็นจริงนี้ช่วยให้เกิดการละวางความพอใจและฉันทราคะ ซึ่งเป็นรากฐานของทุกข์ในชีวิตมนุษย์

  3. ความเสื่อมสลายของร่างกายและการละวางความยึดมั่น พระพุทธเจ้าทรงอธิบายถึงสภาพของร่างกายหลังความตายที่ถูกทอดทิ้งในป่า กลายเป็นอาหารของสัตว์และแมลง ภาพนี้แสดงถึงความไม่เที่ยงและเสื่อมสลายของร่างกาย ซึ่งเป็นการเตือนให้พิจารณาว่า กายที่มีวิญญาณและกายที่ไม่มีวิญญาณนั้นไม่ได้แตกต่างกันในแง่ของความเป็นอนิจจังและความไม่สะอาด

  4. ข้อปฏิบัติและผลลัพธ์ทางจิตใจ วิชยสูตรเสนอให้ภิกษุพิจารณากายทั้งภายในและภายนอกจนเกิดความรู้แจ้งในธรรมชาติของร่างกาย เมื่อความยึดมั่นในกายหมดสิ้นลง ภิกษุย่อมละวางฉันทราคะ และบรรลุอมฤตบท ซึ่งหมายถึงพระนิพพาน อันเป็นจุดหมายสูงสุดของชีวิตในพระพุทธศาสนา

การประยุกต์ใช้วิชยสูตรในปริบทพุทธสันติวิธี

  1. การพัฒนาปัญญาเพื่อสร้างสันติในตนเอง การพิจารณากายตามที่พระพุทธเจ้าแสดงในวิชยสูตร เป็นวิธีการที่ช่วยลดความหลงยึดในตัวตน ซึ่งเป็นต้นเหตุของความทุกข์และความขัดแย้ง การตระหนักถึงความไม่เที่ยงและความเสื่อมสลายของร่างกาย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถละวางความยึดติดและความปรารถนาที่ไม่จำเป็น อันนำไปสู่ความสงบสุขในจิตใจ

  2. การสร้างความเท่าเทียมและลดอคติในสังคม เนื้อหาในวิชยสูตรที่กล่าวถึงความไม่สะอาดของร่างกายสามารถนำมาสนับสนุนแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมในมนุษย์ โดยชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าฐานะทางสังคม เพศ หรือเชื้อชาติใด ร่างกายของทุกคนมีธรรมชาติเหมือนกัน การเข้าใจความจริงนี้ช่วยลดทิฐิมานะและอคติที่เป็นอุปสรรคต่อสันติสุขในสังคม

  3. การพัฒนาความกรุณาและความเมตตาต่อผู้อื่น การตระหนักถึงความเปราะบางและความไม่เที่ยงของชีวิต ช่วยให้เรามองเห็นความทุกข์ร่วมกันในฐานะมนุษย์ นำไปสู่การพัฒนาความกรุณาและความเมตตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของพุทธสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง

สรุป วิชยสูตรในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 เป็นพระสูตรที่มีความสำคัญในการชี้นำให้ผู้ปฏิบัติธรรมมองเห็นธรรมชาติของร่างกายตามความเป็นจริง เพื่อพัฒนาปัญญาและละวางความยึดมั่นในตัวตน บทเรียนจากพระสูตรนี้สามารถประยุกต์ใช้ในปริบทของพุทธสันติวิธีเพื่อสร้างความสงบสุขในตนเองและในสังคม โดยการพัฒนาความเข้าใจที่ถูกต้อง ลดอคติ และเสริมสร้างความกรุณาและความเมตตาต่อผู้อื่น อันเป็นแนวทางสู่การดำเนินชีวิตที่มีคุณค่าและปราศจากความทุกข์.


 เรื่อง "วิเคราะห์    วิชยสูตร   ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย   อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค ที่ประกอบด้วย 

 วิชยสูตรที่ ๑๑

             [๓๑๒] ถ้าว่าบุคคลเที่ยวไป ยืนอยู่ นั่ง นอน คู้เข้าหรือเหยียดออก

                          นั่นเป็นความเคลื่อนไหวของกาย กายประกอบแล้วด้วย

                          กระดูกและเอ็นฉาบด้วยหนังและเนื้อ ปกปิดด้วยผิว เต็ม

                          ด้วยไส้ อาหาร มีก้อนตับ มูตร หัวใจ ปอด ม้าม ไต

                          น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ มันข้น เลือด ไขข้อ ดี เปลวมัน

                          อันปุถุชนผู้เป็นพาล ย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง อนึ่ง ของ

                          อันไม่สะอาดย่อมไหลออกจากช่องทั้งเก้าของกายนี้ทุกเมื่อ คือ

                          ขี้ตาจากตา ขี้หูจากหู และน้ำมูกจากจมูก บางคราวย่อม

                          สำรอกออกจากปาก ดีและเสลดย่อมสำรอกออก เหงื่อและ

                          หนองฝีซึมออกจากกาย อนึ่ง อวัยวะเบื้องสูงของกายนี้เป็น

                          โพลง เต็มด้วยมันสมอง คนพาลถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว ย่อม

                          สำคัญกายนั้นโดยความเป็นของสวยงาม ก็เมื่อใด เขาตาย

                          ขึ้นพอง มีสีเขียว ถูกทิ้งไว้ในป่า เมื่อนั้น ญาติทั้งหลาย

                          ย่อมไม่ห่วงใย สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก หมาป่า หมู่หนอน

                          กา แร้ง และสัตว์เหล่าอื่น ย่อมกัดกินกายนั้น ภิกษุ

                          ในศาสนานี้ ได้ฟังพระพุทธพจน์แล้ว มีความรู้ชัด เธอ

                          ย่อมกำหนดรู้กายนี้ ย่อมเห็นตามความเป็นจริงทีเดียว สรีระ

                          ที่มีวิญญาณนี้เหมือนสรีระที่ตายแล้วนั่น สรีระที่ตายแล้วนั้น

                          เหมือนสรีระที่มีวิญญาณนี้ ภิกษุพึงคลายความพอใจในกาย

                          เสียทั้งภายในและภายนอก ภิกษุนั้นมีความรู้ชัดในศาสนา

                          นี้ ไม่ยินดีแล้วด้วยฉันทราคะ ได้บรรลุอมฤตบท สงบ

                          ดับไม่จุติ กายนี้มีสองเท้า ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น อันบุคคล

                          บริหารอยู่ เต็มไปด้วยซากศพต่างๆ ถ่ายของไม่สะอาด

                          มีน้ำลายและน้ำมูกเป็นต้นให้ไหลออกจากทวารทั้งเก้า และ

                          ขับเหงื่อไคลให้ไหลออกจากขุมขนนั้นๆ ผู้ใดพึงสำคัญเพื่อ

                          ยกย่องตัวหรือพึงดูหมิ่นผู้อื่น จักมีอะไร นอกจากการไม่เห็น

                          อริยสัจ ฯ



ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ    วิชยสูตร   ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย  อิติวุตตกะ    สุตตนิบาต  ๑. อุรควรรค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ราหุลสูตร

       ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ เรื่อง "วิเคราะห์   ราหุลสูตร   ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย   อิติว...