วิเคราะห์ "ปราภวสูตร" ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมและการประยุกต์ใช้
บทนำ
"ปราภวสูตร" เป็นพระสูตรสำคัญในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต อุรควรรค ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงถึงเหตุแห่งความเสื่อมในมนุษย์ทั้งปวง ผ่านการสนทนากับเทวดาผู้มาทูลถามถึงลักษณะของคนเสื่อมและคนเจริญ พระสูตรนี้ประกอบด้วยหลักธรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของการส่งเสริมสันติภาพและความสมานฉันท์ในสังคม
สาระสำคัญของปราภวสูตร
ปราภวสูตรนำเสนอเหตุแห่งความเสื่อมของมนุษย์ใน 12 ประการ โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
ขาดปัญญาและไม่ใคร่ในธรรม: บุคคลที่ไม่แสวงหาความรู้หรือปฏิเสธธรรมะเป็นผู้เริ่มเสื่อม.
คบคนพาลและละเลยกัลยาณมิตร: การเลือกคบคนผิดและละทิ้งบุคคลที่แนะนำสิ่งดีงามเป็นทางสู่ความเสื่อม.
เกียจคร้านและโกรธง่าย: ความไม่ขยันหมั่นเพียรและการมีจิตใจที่โกรธง่ายทำให้ชีวิตล้มเหลว.
ละเลยการเลี้ยงดูบิดามารดา: การไม่แสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลถูกมองว่าไร้ค่า.
พูดมุสาเพื่อหวังผลประโยชน์: การโกหกโดยเจตนาเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม.
ไม่แบ่งปันทรัพย์สมบัติ: ความตระหนี่ถี่เหนียวและการเห็นแก่ตัวทำให้สังคมไม่สมานฉันท์.
หลงในชาติตระกูลและทรัพย์สิน: การยึดมั่นในสถานะทางสังคมและการดูหมิ่นผู้อื่นนำมาซึ่งความเสื่อม.
ประพฤติเสพสิ่งเสพติดและอบายมุข: การใช้ชีวิตในทางเสื่อมศีลธรรมและปล่อยตัวไปตามอบายมุขเป็นภัยต่อสังคม.
ไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตคู่: การล่วงประเวณีทำลายความสัมพันธ์และครอบครัว.
แต่งงานแบบไม่เหมาะสม: การเลือกคู่ครองด้วยอคติ เช่น การแต่งงานที่ไม่เหมาะสมตามวัย ก่อให้เกิดความทุกข์.
ยกคนไม่ดีขึ้นเป็นผู้นำ: การให้คนไร้คุณธรรมมีอำนาจนำไปสู่ความวิบัติของสังคม.
ความโลภในอำนาจ: การทะเยอทะยานในสิ่งที่เกินศักยภาพของตนเองนำไปสู่การแตกแยกและความล้มเหลว.
การวิเคราะห์ในบริบทพุทธสันติวิธี
1. การส่งเสริมปัญญาและการใคร่ธรรม พุทธสันติวิธีเน้นการแก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านการเจริญปัญญาและการสนับสนุนธรรมะ การเรียนรู้หลักธรรมในปราภวสูตรสามารถกระตุ้นให้บุคคลใฝ่รู้และปฏิบัติตามธรรมเพื่อสร้างความสงบสุขในตนเองและสังคม.
2. การคบหากัลยาณมิตร ในสังคมที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย การส่งเสริมให้คบหาคนดีมีคุณธรรมช่วยสร้างเครือข่ายของสันติภาพและความไว้วางใจ ลดโอกาสเกิดความขัดแย้ง.
3. การปลูกฝังความกตัญญูและความรับผิดชอบต่อครอบครัว การดูแลบิดามารดาและผู้สูงอายุเป็นรากฐานของครอบครัวที่มั่นคง การประยุกต์ใช้หลักนี้ช่วยสร้างชุมชนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่.
4. การส่งเสริมการกระทำที่ซื่อสัตย์และโปร่งใส ในโลกยุคใหม่ การเน้นความซื่อสัตย์ในระดับบุคคลและสถาบันมีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันและส่งเสริมความสงบในระดับสังคม.
5. การสนับสนุนผู้นำที่มีคุณธรรม การเลือกผู้นำที่มีจริยธรรมสูงช่วยลดโอกาสเกิดความอยุติธรรมและความขัดแย้งในสังคม.
การประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน
ปราภวสูตรสามารถนำมาใช้ในหลากหลายบริบท เช่น:
ครอบครัว: ใช้เป็นแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว โดยเน้นความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และการเลี่ยงอบายมุข.
สังคม: ส่งเสริมการคบหาคนดี มีการเลือกผู้นำที่มีคุณธรรม และสนับสนุนการแบ่งปันทรัพยากร.
องค์กร: ใช้หลักธรรมในปราภวสูตรเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส มีคุณธรรม และให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม.
บทสรุป
ปราภวสูตรเป็นพระธรรมเทศนาที่นำเสนอหลักการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและป้องกันความเสื่อมในทุกมิติของชีวิต การวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในบริบทพุทธสันติวิธีช่วยให้เกิดความเข้าใจในหลักธรรมที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปใช้สร้างสันติภาพในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
เรื่อง "วิเคราะห์ ปราภวสูตร ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค ที่ประกอบด้วย
ปราภวสูตรที่ ๖
[๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้น
ไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
[๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงคนผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ
กะท่านพระโคดม จึงขอทูลถามว่าอะไรเป็นทางของคน
เสื่อม ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ
ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
ข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจ
ธรรมของอสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ
นั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย
ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัย
หนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ
นั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท
ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว
ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร
ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ
เหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลง
การพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม
นั้นเป็นที่ ๘ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่น
เหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม
นั้นเป็นที่ ๙ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะ
ความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น
เป็นที่ ๑๐ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๑
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชาย เช่นนั้นไว้ในความ
เป็นใหญ่ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น
เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑ ฯ
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒
อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่
ปรารถนาราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม บัณฑิตผู้ถึง
พร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้
เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ) ฯ
ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ ปราภวสูตร ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น