วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ ปราภวสูตร

วิเคราะห์ "ปราภวสูตร" ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมและการประยุกต์ใช้

บทนำ

"ปราภวสูตร" เป็นพระสูตรสำคัญในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 17 ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ สุตตนิบาต อุรควรรค ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงถึงเหตุแห่งความเสื่อมในมนุษย์ทั้งปวง ผ่านการสนทนากับเทวดาผู้มาทูลถามถึงลักษณะของคนเสื่อมและคนเจริญ พระสูตรนี้ประกอบด้วยหลักธรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของการส่งเสริมสันติภาพและความสมานฉันท์ในสังคม

สาระสำคัญของปราภวสูตร

ปราภวสูตรนำเสนอเหตุแห่งความเสื่อมของมนุษย์ใน 12 ประการ โดยมีสาระสำคัญดังนี้:

  1. ขาดปัญญาและไม่ใคร่ในธรรม: บุคคลที่ไม่แสวงหาความรู้หรือปฏิเสธธรรมะเป็นผู้เริ่มเสื่อม.

  2. คบคนพาลและละเลยกัลยาณมิตร: การเลือกคบคนผิดและละทิ้งบุคคลที่แนะนำสิ่งดีงามเป็นทางสู่ความเสื่อม.

  3. เกียจคร้านและโกรธง่าย: ความไม่ขยันหมั่นเพียรและการมีจิตใจที่โกรธง่ายทำให้ชีวิตล้มเหลว.

  4. ละเลยการเลี้ยงดูบิดามารดา: การไม่แสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลถูกมองว่าไร้ค่า.

  5. พูดมุสาเพื่อหวังผลประโยชน์: การโกหกโดยเจตนาเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม.

  6. ไม่แบ่งปันทรัพย์สมบัติ: ความตระหนี่ถี่เหนียวและการเห็นแก่ตัวทำให้สังคมไม่สมานฉันท์.

  7. หลงในชาติตระกูลและทรัพย์สิน: การยึดมั่นในสถานะทางสังคมและการดูหมิ่นผู้อื่นนำมาซึ่งความเสื่อม.

  8. ประพฤติเสพสิ่งเสพติดและอบายมุข: การใช้ชีวิตในทางเสื่อมศีลธรรมและปล่อยตัวไปตามอบายมุขเป็นภัยต่อสังคม.

  9. ไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตคู่: การล่วงประเวณีทำลายความสัมพันธ์และครอบครัว.

  10. แต่งงานแบบไม่เหมาะสม: การเลือกคู่ครองด้วยอคติ เช่น การแต่งงานที่ไม่เหมาะสมตามวัย ก่อให้เกิดความทุกข์.

  11. ยกคนไม่ดีขึ้นเป็นผู้นำ: การให้คนไร้คุณธรรมมีอำนาจนำไปสู่ความวิบัติของสังคม.

  12. ความโลภในอำนาจ: การทะเยอทะยานในสิ่งที่เกินศักยภาพของตนเองนำไปสู่การแตกแยกและความล้มเหลว.

การวิเคราะห์ในบริบทพุทธสันติวิธี

1. การส่งเสริมปัญญาและการใคร่ธรรม พุทธสันติวิธีเน้นการแก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านการเจริญปัญญาและการสนับสนุนธรรมะ การเรียนรู้หลักธรรมในปราภวสูตรสามารถกระตุ้นให้บุคคลใฝ่รู้และปฏิบัติตามธรรมเพื่อสร้างความสงบสุขในตนเองและสังคม.

2. การคบหากัลยาณมิตร ในสังคมที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย การส่งเสริมให้คบหาคนดีมีคุณธรรมช่วยสร้างเครือข่ายของสันติภาพและความไว้วางใจ ลดโอกาสเกิดความขัดแย้ง.

3. การปลูกฝังความกตัญญูและความรับผิดชอบต่อครอบครัว การดูแลบิดามารดาและผู้สูงอายุเป็นรากฐานของครอบครัวที่มั่นคง การประยุกต์ใช้หลักนี้ช่วยสร้างชุมชนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่.

4. การส่งเสริมการกระทำที่ซื่อสัตย์และโปร่งใส ในโลกยุคใหม่ การเน้นความซื่อสัตย์ในระดับบุคคลและสถาบันมีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันและส่งเสริมความสงบในระดับสังคม.

5. การสนับสนุนผู้นำที่มีคุณธรรม การเลือกผู้นำที่มีจริยธรรมสูงช่วยลดโอกาสเกิดความอยุติธรรมและความขัดแย้งในสังคม.

การประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน

ปราภวสูตรสามารถนำมาใช้ในหลากหลายบริบท เช่น:

  • ครอบครัว: ใช้เป็นแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว โดยเน้นความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และการเลี่ยงอบายมุข.

  • สังคม: ส่งเสริมการคบหาคนดี มีการเลือกผู้นำที่มีคุณธรรม และสนับสนุนการแบ่งปันทรัพยากร.

  • องค์กร: ใช้หลักธรรมในปราภวสูตรเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส มีคุณธรรม และให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม.

บทสรุป

ปราภวสูตรเป็นพระธรรมเทศนาที่นำเสนอหลักการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและป้องกันความเสื่อมในทุกมิติของชีวิต การวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในบริบทพุทธสันติวิธีช่วยให้เกิดความเข้าใจในหลักธรรมที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปใช้สร้างสันติภาพในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

 เรื่อง "วิเคราะห์    ปราภวสูตร   ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย   อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ๑. อุรควรรค ที่ประกอบด้วย 

 ปราภวสูตรที่ ๖

             [๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้น

ไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว

เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ

ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า

             [๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงคนผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ

                          กะท่านพระโคดม จึงขอทูลถามว่าอะไรเป็นทางของคน

                          เสื่อม ฯ

             พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

                          ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ

                          ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด

                          ข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจ

                          ธรรมของอสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ

                          นั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย

                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ

                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัย

                          หนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ

                          นั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท

                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ

                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว

                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ

                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร

                          ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ

                          เหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลง

                          การพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

                          เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม

                          นั้นเป็นที่ ๘ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่น

                          เหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

                          เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม

                          นั้นเป็นที่ ๙ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะ

                          ความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

                          เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น

                          เป็นที่ ๑๐ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๑

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชาย เช่นนั้นไว้ในความ

                          เป็นใหญ่ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น

                          เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑ ฯ

                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒

                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ

                          ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่

                          ปรารถนาราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม บัณฑิตผู้ถึง

                          พร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้

                          เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ) ฯ



ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ     ปราภวสูตร     ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย  อิติวุตตกะ    สุตตนิบาต  ๑. อุรควรรค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ราหุลสูตร

       ช่วยเขียนบทความทางวิชาการ เรื่อง "วิเคราะห์   ราหุลสูตร   ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  17  ขุททกนิกาย   อิติว...