วันที่ 1 มี.ค.2562 พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 17.00 – 20.00 น. โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างคับคั่ง ทั้งนี้เหล่าแกนนำต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาปราศรัยบนเวที อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียง, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายสุธรรม แสงปทุม ,นพ.เหวง โตจิราการ เป็นต้น
นายจาตุรนต์ ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้พรรคไทยรักษาชาติ ขอเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศที่กำหนดอะไรไม่ได้มา 5 ปี มาร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทยร่วมกัน ทั้งนี้ในส่วนของนโยบาย เช่น 30 บาท ที่ 5 ปีมานี้ มีแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บ่นว่าจะเอาเงินมาจากไหน ส่งสัญญาณไม่อยากทำเรื่องนี้ต่อ ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศก็แย่ลง และเอางบประมาณไปให้กระทรวงกลาโหมหมด พอบอกจะตัดบกลาโหมเขาก็ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ข้าราชการไม่มีหน้าที่ให้นักการเมืองไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน แต่คุณมีหน้าที่ต้องฟังนักการเมือง ทั้งนี้ถ้าพรรคไทยรักษาชาติเป็นรัฐบาล ถ้ามีการเสนองบกระทรวงกลาโหมเข้ามามากๆ คนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะไม่เซ็นต์ให้ แต่จะให้ไปปรับลดงบลง แต่ถ้ายังมีปัญหาอีกก็จะสั่งสอบทางวินัยผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงกรณีที่รัฐบาลจะสร้างทางรถไฟเชื่อต่อสนามบิน ไม่มีใครจะนั่งรถไฟดังกล่าว แต่มีการตั้งโครงการเพื่อหาประโยชน์จากที่ดินในบริเวณที่ตั้งทางรถไฟ ดังนั้นกติกาต่างๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้เราจะเข้ามาแก้ไข
อย่างไรก็ตามคสช.กำลังสืบทอดอำนาจ ไม่เพียงขัดขวางการตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ยังทำลายเศรษฐกิจ รวมถึงจะสร้างระบบการปกครองที่เรียกว่าระบอบคสช. และมีความพยายามไม่ให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา ให้อำนาจส.ว. 250 คน เลือกนายกฯ กระบวนการสรรหาก็สรรหากันเอง เพื่อให้มาเลือกพล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งหนึ่ง และมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา นอกจากนี้การเลือกตั้งครั้งนี้ของไทยแปลกประหลาประหลาดคือไม่เป็นรัฐบาลรักษาการณ์และใช้งบประมาณ รวมถึงแต่งตั้งข้าราชการได้ มีอำนาจเต็ม โดยไม่ต้องปรึกษากกต. ถ้าเขาสามารถสืบทอดอำนาจได้อีก 20 ปี จะได้อดตายกันทั้งประเทศ และถ้าประชาชนต้องการให้มีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยต้องเลือกอย่างท่วมท้น เพื่อไม่ให้ระบอบคสช. อยู่กับประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ขอพี่น้องประชาชนร่วมสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ไทยรักษาชาติก็จะยืนหยัดกับประชาธิปไตย เราจะสร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยทั้งประเทศ เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็น
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “Disrupt เผด็จการ” ตอนหนึ่งว่า ตนฟันธงว่าในวันที่ 24 มี.ค. ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ เข็ดขยาดกับเผด็จการ ไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่จะเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งนี้นายกฯ จะใช้มาตรา 44 ได้จนถึงหลังการเลือกตั้ง กลัวว่าถ้าบางพรรคแพ้เลือกตั้งมากๆ เกรงว่าจะมีการใช้มาตรา 44 ยกเลิกการเลือกตั้ง หากรัฐธรรมนูญเรียกกฎหมายแม่ มาตรา 44 ก็เรียกได้ว่าเป็นกฎหมายพ่อ เป็นการสร้างหลักการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ถ้าปล่อยอำนาจแบบนี้วันหนึ่งเขาเป็นรัฐบาลเราจะแตะต้องไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งธรรมดา แต่เป็นแผนรวมร่างปีศาลสืบทอดอำนาจ ลำตัวคือคสช. มือข้างหนึ่งเป็นพลังประชารัฐ อีกข้างส.ว.250 เสียง และองค์กรอิสระ เท้าข้างหนึ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และอีกเท้าเป็นพรรคนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ร่างปีศาจในการสืบทอดอำนาจได้เกือบครบทั้งตัวแล้ว เหลือเพียงส่วนหัวที่ต้องทำพิธีกรรมส่วน ซึ่งพิธีกรรมของเขาคือการเลือกตั้ง ดังนั้นวันที่ 24 มี.ค. คือการทำลายพิธีกรรมสืบทอดอำนาจ โดยการเลือกพรรคไทยรักษาชาติ ทั้งนี้เราตั้งพรรคไทยรักษาชาติเพื่อนำคนกลับบ้าน คือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร คสช. ส่งกลับบ้านไปเลี้ยงหลาย ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องกับบ้านไปด้วย ทั้งนี้เราจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ ประกาศให้พ.อ.ประยุทธ์ และพวกรู้ว่าวันที่ 24 มี.ค. คือวันสุดท้ายที่ต้องออกไป.
นายพิชัย กล่าวว่า นโยบายด้านพลังงาน ถ้าทษช.ได้เป็นรัฐบาลอย่างแรกที่เราจะเสนอ คือลดมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร และเบนซิล 3 บาทต่อลิตรเป็นการลดค้าใช้จ่ายเบื้องต้น โลกเปลี่ยนไปแล้วเทคโนโลยีเริ่มเปลี่ยน โลกเริ่มเปลี่ยนถ้ารัฐบาลยังอยู่ในกะลา เราจะตกยุคเร็วมาก ฉะนั้นทษช.คิดว่าเราจะทำอย่างไรให้คนไทยทุกระดับชั้นกล่าวทันโลก เราเสียโอกาสมากประเทศอื่น เวียดนาม อินโดนีเชีย เขามีบริษัทเทคโนโลยีมีมูลค่าแสนๆล้าน แต่ประเทศไทยไม่มีเพราะ 5 ปีที่ผ่านเราถูกกดขี่ วิจารณ์ไม่ได้ ทำให้บริษัทพวกนี่ไม่เกิด ทุกประเทศมี แต่คนไทยไม่มีฉะนั้นพรรคการเมืองต้องมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล มองให้เห็นอนาคต ถ้าอย่างพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อจะมีวิสัยทัศน์หรือไม่จะ บิล เกตส์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน กล่าวว่า ถ้าคุณเกิดมาจนไม่ผิด แต่ถ้าคุณตายจนคุณผิด เพราะคุณไม่ดิ้นรน แต่ถ้าคุณไม่อยากตายจนแล้วต้องตายจนรัฐบาลเป็นคนผิด แต่ถ้าทษช.เป็นรัฐบาลคุณจะไม่ตายจนแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดนโยบายกรุงเทพมหานคร โดยนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า นโยบาย 4R เพื่อพัฒนากรุงเทพมหานคร ได้แก่ Reserve อนุรักษ์สถานที่สำคัญ และวิถีชีวิตของประชาชน, Rehabitation ฟื้นฟูเมือง เช่น ทางเท้า สายไฟ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต, Redevelopment พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนเพื่อการสัญจรที่สะดวกสบายและน่าอยู่, Revivification คืนจิตวิญญาณความเป็นเมืองให้กับกรุงเทพเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 10 เขต กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล ผู้สมัครเขต 2 (ปทุมวัน บางรัก สาธร) หมายเลข 10, นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครเขต 3 (บางคอแหลม ยานนาวา) หมายเลข 1, นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล เขต 4 (คลองเตย วัฒนา)หมายเลข 14, นางสาวขัตติยา ไชยโย เขต 11 (สายไหม) หมายเลข 23, นายธนกร เลาหพงศ์ชนะ เขต 20 (สวนหลวง ประเวศ) หมายเลข 7, นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร เขต 21 (บางนา พระโขนง) หมายเลข 12, นางสราริน ชาลีวรรณ เขต 22 (คลองสาน บางกอกใหญ่ ธนบุรี) หมายเลข 10, นางสาวนพสรัญ วรรณศิริกุล เขต 24 (ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ) หมายเลข 13, นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ เขต 25 (บางขุนเทียน) หมายเลข 10, และนายศรุท เกษมณีภูรเดช เขต 28 (บางแค) หมายเลข 23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น