เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกล่าวภายหลัง นำนายวิตต์ก้องธรนินทร์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทยเขตสะพานสูง เดินพบปะพี่น้องประชาชนและผู้ค้าที่ตลาดสัมมากร โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย เรื่องอาหารปลอดภัย มุ่งสู่การลดโรคอันตรายและมีค่าใช้จ่ายสูง เช่นความดัน ไขมัน เบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมามีแนวโน้มพบผู้ป่วยมะเร็งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะนำการตรวจอาหารปลอดภัย กลับมาทุกตลาด ทุกซุปเปอร์มาเก็ต พร้อมสนับสนุนการออกกำลังกายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะงบประจำหมู่บ้านประจำชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาถูกละเลยจนทำให้สุขภาพของประชาชนมีแนวโน้มแย่ลง
ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งกล่าวถึงกรณีที่ ทนายความอิสระเดินทางไป แจ้งความกล่าวโทษต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเลยให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า การปราศรัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเลย เนื่องจาก สมาชิกสภาจังหวัด คนที่ปรากฏเป็นข่าว ได้รับการเสนอชื่อในชั้นของคณะกรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทย แต่ภายหลังได้ขอถอนตัว ซึ่งไม่ทราบรายละเอียดในขั้นตอนดังกล่าว จึงไม่มีเจตนาสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ และมั่นใจว่า การแนะนำตัวบุคคลดังกล่าว ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของคะแนนนิยม จึงพร้อมจะไปต่อสู้ในข้อเท็จจริง
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งปรากฏเป็นข่าวว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่ากระบวนการเลือกส.ว.พลเอกประยุทธ์มอบหมายให้พลเอกประวิตร เป็นประธานทำหน้าที่คัดเลือกส.ว. และเชื่อว่าจะให้ส.ว.กลับมาเลือกพลเอกประยุทธ์
จึงต้องตั้งคำถามว่าเรื่องเหล่านี้ถูกต้องหรือไม่ และเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยส่วนรวมอย่างไร เพราะกระบวนการคัดเลือกส.ว.ต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก แต่กลับมีแต่ทหาร อดีตนายทหาร คนใกล้ชิดพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม จึงขอให้ประชาชน อย่าท้อออกไปเลือกพรรคเพื่อไทยเอาชนะเสียงส.ว.250 คน
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่าเมื่อพรรคไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค ประชาชนที่เคยสนับสนุนจะตัดสินใจอย่างไรให้พิจารณาว่า การเมืองปัจจุบันมีเพียง 2 ขั้ว คือขั้วที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์และไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ในการต่อท่ออำนาจ แม้จะมีบางพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ แต่ยังไม่ประกาศตัว จึงถือว่าอยู่ใน 2 ขั้วอำนาจด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าคะแนนในส่วนดังกล่าวจะยังอยู่ที่ฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งไม่เอาพลเอกประยุทธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น