วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2562

'จตุพร'ตัดขาดเพื่อชาติ มองเพาะงูเห่าหนุน'บิ๊กตู่' วิกฤตศรัทธารุนแรงแน่


วันที่ 30 มี.ค.2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวในการแถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว นปช. ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว ว่า ตนขอประกาศยุติบทบาทการเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ ซึ่งตนได้แจ้งต่อหัวหน้าพรรค ให้ทราบแล้วตั้งแต่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามภารกิจของตนที่ประกาศไว้คือการรวบรวมเสียงฝั่งประชาธิปไตยให้ไปเทรวมในวันเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว เมื่อพรรคเพื่อชาติแถลงจุดยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย จึงถือว่าภารกิจตนเสร็จสิ้น ดังนั้นต่อไปนี้ตนจึงเหลือสถานะเดียวคือ ประธาน นปช.

นายจตุพร  กล่าวอีกว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันนี้ ตนต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบของ กกต. เพราะการเลือกตั้ง 2562 นี้ เกินไปกว่าที่จะใช้คำว่าเลือกตั้งสกปรก เหมือนปี 2500 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า กกต.มีวิธีการนับคะแนนหลากหลายรูปแบบที่จะไปทอนคะแนนของพรรคใหญ่ แล้วกระจายปาร์ตี้ลิสต์ให้กับพรรคเล็กๆ เพื่อให้เกิดปรากฎการณ์ว่ารัฐบาลของคณะสืบทอดอำนาจมีพรรคการเมืองเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเมืองจะเดินต่อไปได้ในตอนนี้คือการจะต้องไปปล้นสมาชิกพรรคอื่นที่เรียกว่ากลุ่มงูเห่า ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคที่กำลังถูกกวาดต้อนโดยการต่อรองผลประโยชน์ ทั้งนี้ ตนได้คุยกับฝั่งสืบทอดอำนาจเขาระบุว่าเสียงที่ต้องสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ในสภาต้องได้ 270 ที่นั่ง ซึ่งถ้านับตอนน้ีไม่มีทางถึง ถึงแม้ว่าจะมีการแจกใบแดง เหลือง สัม ดำ ขาว ซึ่งเป็น 5 ใบที่มีอยู่ในการเลือกตั้งของไทย แต่ผลการเลือกตั้ง ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะถ้าแจกใบแดงให้เพื่อไทยก็ยังเหลืออนาคตใหม่ หรืออื่นๆ ในซีกประชาธิปไตย และถ้ามีเลือกตั้งซ่อมก็จะเกิดปรากฏการณ์รณรงค์หาเสียงเพื่อพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งครั้งนี้อาจจะเป็นพรรคร่วมฝั่งประชาธิปไตย กับฝั่งสืบทอดอำนาจ ยิ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธามาที่สุดแล้วผมก็บอกไม่ได้ว่ามันจะนำไปสู่อะไร

นายจตุพร กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบทางการเมืองทุกกระบวนการ แล้วเมื่อประชาชนตัดสินมาด้วยเสียงก้ำกึ่งแบบนี้ จำเป็นต้องไปซื้อ ส.ส.จากพรรคอื่นแล้วได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันเริ่มต้นของการเป็นนายกฯ ครั้งใหม่นี้ จะเป็นวันจบวันสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมีเสียงก้ำกึ่ง หมากกระดานเดินต่อไปไม่ได้ เพราะเสียงข้างมากจะต้องเสียไป 3 ที่นั่งคือประธานสภา และรองประธานสภา แล้วต้องเอาบุคคลภายนอก หรือการประชุมในสภาถ้าจะต้องนับจำนวนสมาชิกก็อาจทำให้ประชุมล่ม ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ดังนั้น สมการทางการเมืองเมื่อตัวเลขก้ำกึ่งก็เป็นไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเลือกการสร้างงูเห่าให้เกิดขึ้นก็จะนำไปสู่จุดจบ เพราะเป็นการสร้างวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรง ดังนั้นคนแรกที่จะต้องรับผิดชอบในขณะนี้คือ กกต. เพราะวิญญูชนอย่างพวกท่านย่อมรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว โดยที่ตนจะไม่เรียกร้องให้ลาออก ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อมาคือคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)เพราะเขียนรัฐธรรมนูญให้ประเทศไทยเดินสู่ทางตั

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุคคลไม่ควรคบยามสูงวัย

การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธร...