เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567 เวลา 09.39 น.ที่วัดสโมสร บ้านคลองหม่อมแช่ม หมู่ 9 ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธียกช่อฟ้าอุโบสถคู่หน้า วัดสโมสร โดยได้รับเมตตาจาก เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระพรหมกวี เจ้าคณะภาค 3 กรรมการมหาเถรสมาคม พระธรรมโพธิมงคล เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 2 พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี พระอุดมสิทธินายก รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี พระโสภณนนทสาร เจ้าอาวาสวัดบางไผ่ พระอารามหลวง พระครูสถิตนันทสโมสร เจ้าอาวาสวัดสโมสร และพระเถรานุเถระ ร่วมประกอบพิธี โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี นายปริญ นิทัศน์เอก นายอำเภอไทรน้อย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อุบาสกและอุบาสิกา พุทธศาสนิกาชนชาวไทย-รามัญ และประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ร่วมพิธี
โอกาสนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้น พระธรรมโพธิมงคล เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะภาค 2 พระครูสถิตนันทสโมสร เจ้าอาวาสวัดสโมสร และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าถวายสักการะ เจ้าหน้าที่กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยและอาราธนาศีล เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี ประธานฝ่ายสงฆ์ เจิมช่อฟ้าเอก นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ประธานฝ่ายฆราวาส และผู้มีเกียรติผูกผ้าเจ็ดสี คล้องมาลัยช่อฟ้าเอก เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี นำผู้ร่วมพิธียกช่อฟ้าเอกประดิษฐานบนหลังคาอุโบสถวัดสโมสร พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 9 รูป เจริญชัยมงคลคาถา ประโคมฆ้องกลองชัย เสร็จแล้ว นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ประธานฝ่ายฆราวาส นำผู้ร่วมพิธี ถวายเครื่องไทยธรรมแก่พระสงฆ์ กรวดน้ำ รับพร เป็นอันเสร็จพิธี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วัดสโมสร (หลวงปู่บาง) สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 โดยชาวมอญจากอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการกับชาวมอญจากจังหวัดสมุทรสาคร มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างวัดขึ้น ชื่อว่า "วัดสโมสรศรัทธาราม" ภายหลังเจ้าคณะอำเภอบางบัวทองเห็นว่านามวัดยาวเกินไป จึงให้ตัดคำว่า "ศรัทธาราม" ออก เหลือเพียง "วัดสโมสร" ชาวบ้านเรียกว่า "วัดหม่อมแช่ม" หรือ วัดสโมสร ซึ่งเป็นวัดไทย-มอญ มีเสาหงส์แสดงสัญลักษณ์ และยังคงใช้บทสวดมนต์และการทำสังฆกรรมทุกประเภทเป็นภาษามอญ โดยที่วัดมีกิจกรรมของชาวมอญในวันสงกรานต์ ได้แก่ การตักบาตรดอกไม้เข้าพรรษา การแห่หงส์ธงตะขาบ การปล่อยปลา การเล่นสะบ้าหนุ่มสาว และการแสดงมหรสพภาคกลางคืน เป็นต้น จวบจนปัจจุบัน
"วันนี้ พระครูสถิตนันทสโมสร เจ้าอาวาสวัดสโมสร ได้เชิญชวนอุบาสกอุบาสิกา ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันบูรณะพระอุโบสถแห่งนี้ โดยมีพี่น้องชาวไทย-รามัญ ผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมกันบูรณะอุโบสถวัดสโมสรแห่งนี้ ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีในการสร้างศูนย์รวมให้เกิดความรู้รักสามัคคีขึ้นในชุมชน ซึ่งวันนี้ทุกท่านได้พร้อมใจกันร่วมประกอบพิธียกช่อฟ้าขึ้นสู่พระอุโบสถ มีเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนีเป็นองค์ประธาน อันเป็นฤกษ์งามยามดีเนื่องในโอกาสวันดีประเพณีวันสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย ซึ่งทุกท่านได้มาร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ปฏิบัติบูชาเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง เพื่อให้พระอุโบสถแห่งนี้ เป็นมงคลสถานที่ในการประกอบศาสนกิจของพระเถรานุเถระ ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนพื้นที่ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมวิถีมอญ ให้คงอยู่คู่กับชุมชนแห่งนี้ ดำรงคงอยู่ให้กับลูกหลานของเราสืบไป" นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีและนายอำเภอไทรน้อย ได้ร่วมกับผู้นำท้องที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชน ได้ขอรับความเมตตาจากพระครูสถิตนันทสโมสร เจ้าอาวาสวัดสโมสร นำแนวทางตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ของฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม กระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่าย ได้ส่งเสริมทำให้วัดสโมสรแห่งนี้ได้เป็นสถานที่ศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนและประชาชน เป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้ เป็นสัปปายะสถานสำหรับประชาชน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือในรูปแบบของพลัง "บวร" คือ บ้าน วัด ราชการ ส่งเสริมสิ่งที่ดีในชีวิต ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมหลักการพึ่งพาตนเอง อาทิ น้อมนำแนวพระราชดำริส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมด้วยการรณรงค์จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ให้วัดเป็นพื้นที่ต้นแบบแห่งความยั่งยืน เพื่อขยายผลไปยังบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน อันจะทำให้พุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปได้มีความสุขกาย สุขใจ มีความสุขในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น