วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567

ข่าวดี! รมว. แรงงาน “พิพัฒน์” ชี้เป้าแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ



เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567     นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยข่าวดี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เตรียมเงิน 80 ล้านบาท เชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ กู้เงินเป็นทุนช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ พัฒนาคุณภาพชีวิต ดอกเบี้ยต่ำสุด 0.50% หมดเขต 31 พ.ค. นี้ พร้อมเผยกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ช่วยบรรเทาทุกข์ลูกจ้างไปแล้วกว่า 2 แสนคน                

นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงานได้ร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับลูกจ้างผ่านมาตรการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือลูกจ้างและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการ กู้เงินกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปเป็นแหล่งเงินทุนให้ลูกจ้างกู้ยืมโดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เหมาะสมให้ลูกจ้างสามารถนำไปปลดเปลื้องหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ ตลอดจนช่วยให้้ลูกจ้างและครอบครัวมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพชีวิตที่่ดีขึ้นหรือกรณีที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ โดยในปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินสำหรับให้กู้ จำนวน 80 ล้านบาท แบ่งเป็น การให้บริการเงินกู้ในกรณีปกติ ซึ่งให้กู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 – 3.00 ต่อปี การให้บริการเงินกู้ตามโครงการเงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งให้บริการแก่สถานประกอบกิจการที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 20 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2.00 ต่อปี และโครงการพิเศษ “โครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ” มีวงเงินกู้ 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียงร้อยละ 0.50 – 1.50 ต่อปี สำหรับโครงการพิเศษนี้มีระยะเวลาในการยื่นคำขอกู้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ เท่านั้น           

นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2538 ซึ่งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบันได้ให้บริการเงินกู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการแล้ว จำนวน 338 แห่ง สัญญา เป็นเงิน 2,669,270,000 บาท ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 269,478 คน ทั้งนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีความประสงค์จะกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ส่วนกลางสามารถยื่นคำขอได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชั้น 3 และส่วนภูมิภาคยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสามารถยื่นกู้ผ่านระบบ e-service ได้ที่ https://labourfund.labour.go.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 660 2180

หรือ Facebook : กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน E-mail : labourfund@gmail.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุคคลไม่ควรคบยามสูงวัย

การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธร...