วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

ลูกศิษย์ส่งหลวงปู่ธัมมาพิทักษาพระมหาเถระผู้มีพระคุณยิ่งเป็นครั้งสุดท้าย



วันที่ ๒๗ เมษายน  ๒๕๖๗  พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,  ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย น้อมส่งท่านพระครูวิบูลธรรมภาณ หรือ หลวงปู่ธัมมา พิทักษา เป็นผู้มีพระคุณยิ่งในฐานะครูบาอาจารย์ที่ให้โอกาสศึกษาทางโลกและทางธรรมตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ ซึ่งหลวงปู่เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่ยายมอญ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร สร้างวัดพัฒนาพระเณรส่งเสริมการศึกษาอันเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่ง เป็นพระสงฆ์ผู้บุกเบิกสร้างวัดใหม่ยายมอญเป็นความหวังเป็นโอกาสให้พระหนุ่มเณรน้อยเข้ามาศึกษา เป็นพระมหาเถระผู้เบิกทางชีวิตให้เด็กบ้านนอกส่งเสริมการศึกษาอย่างแท้จริง   

โดยส่วนตัวแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ถ้าไม่มีหลวงปู่คงไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาทางธรรมและทางโลก" รวมถึงครูบาอาจารย์หลายรูปล้วนเป็นศิษย์ของหลวงปู่ธัมมา พิทักษา อาศัยร่มเงาร่มธรรมของหลวงปู่ธัมมา พิทักษา ศิษย์วัดใหม่ยายมอญจะทราบดีว่าหลวงปู่เป็นอย่างไร ทำอะไร ในส่วนลึกแล้วมีแต่ความเมตตามีแต่ความหวังดีปรารถนาดีต่อศิษย์ทุกรูปท่าน ซึ่งหลวงปู่สอนไม่ให้เผลอสติดำรงตนแห่งความเป็นพระสงฆ์ "สวดมนต์ได้ จรณะงดงาม  ศึกษาเล่าเรียน ให้วัดได้พึ่งพาได้ และสำนึกรักบ้านเกิด" 

ทำให้หลวงปู่ธัมมา พิทักษา กลับมาพัฒนาบ้านเกิดเป็นต้นแบบ เพราะเห็นความลำบากในชุมชน โดยสร้างพระธาตุเรืองรอง ซึ่งมีความงดงามเป็นสถานที่พึ่งทางใจของคนอีสานใต้ สร้างชุมชนสันติสุข ช่วยเหลือชุมชนตามสังคหวัตถุธรรม จากชุมชนที่ยากจนยกระดับเศรษฐกิจชุมชนดีขึ้น เพราะสร้างเป็นวัฒนธรรมชุมชนแห่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่าน "สถาปนึก" นึกอะไรได้ก็ทำ ทำจนเป็นฐานของชุมชนผ่านมิติกายภาพสัปปายะ  นำไปสู่พฤติภาพอยู่ร่วมกัน พัฒนาจิตตภาพรวมพลัง และก่อเกิดปัญญาภาพในชุมชนอยู่รอด โดยสิ่งที่หลวงปู่ธัมมา พิทักษา ลงมือทำเป็นความคิดสร้างสรรค์มีธรรมะข้อคิดซ่อนอยู่ เป็นปริศนาธรรมของการพัฒนาชีวิต

โดยส่วนตัวสมัยเป็นสามเณรวัดใหม่ยายมอญ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ ย้ำเตือนตนเองเสมอว่า   

#ถึงฉันหิวฉันเหงาฉันหนาวเหน็บ 

#ถึงฉันเจ็บฉันทุกฉันถูกหยาบ 

#ฉันจะยืนเย้ยฟ้าสง่างาม 

#เชิดชูนามสกุลฉันพันธพัฒน์ 

#ถึงฉันหิวฉันเหงาฉันหนาวเหน็บ 

#ฉันขอสู้อยู่กรุงเทพแม้เจ็บหล้า 

#ในเมื่อฉันดั้นด้นดิ้นรนมา 

#ฉันจะเอาปริญญากลับนาดอน  

ถึงวันนี้ทำสำเร็จแล้วเพราะหลวงปู่ถือว่าเป็นบุคคลที่ให้โอกาส ให้ความหวัง ให้แรงบันดาลใจ ให้พลังทางการศึกษาเล่าเรียน ถือว่าเป็นบทกลอนที่ย้ำเตือนว่าต้องสู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งชีวิตลำบากไม่พอ เรายังโดนดูถูกเหยียบหยามจากผู้คน คำกลอนนี้ทำให้เรามีแรงผลักดันเดินต่อไป คำกลอนนี้ผ่านมาหลายสิบปียังจดจำได้ขึ้นใจเสมอ 

ในวาระที่หลวงปู่ธัมมา พิทักษา มรณภาพ จากลูกหลานไปแบบไม่มีวันกลับตามวาระ แต่ยังคงผลงานที่เป็นอนุสาวรีย์ทั้งด้านกายภาพ  ด้านพฤติภาพ  ด้านจิตตภาพ ด้านปัญญาภาพ และอนาคตภาพ เป็นต้นแบบของนักต่อสู้ทั้งภายในคือกิเลส และต่อสู้ภายนอก ในการสร้างวัดเพื่อเป็นสถานที่ให้โอกาสพระเณรจากบ้านนอกเข้ามาศึกษาเล่าเรียน หลวงปู่ยังคงอยู่ในใจเสมอตลอดไปและน้อมบุญถวายหลวงปู่ พระมหาเถระผู้มีพระคุณอย่างยิ่ง โดยปัจจุบันได้รับความเมตตายิ่งจากพระครูสุตกัลยาณคุณ รองเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ รักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านสร้างเรือง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของพระธาตุเรืองรอง เด่นสง่าในเขตอีสานใต้  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์

  การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พร...