วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

7ฝ่ายค้านเปิดเวทีแก้รธน.ปัตตานี "ธนาธร"ฟุ้งบริหารงบดีกว่า"บิ๊กตู่"



เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2562  เวลา 14.00 น. ที่ลานวัฒนธรรม หน้าศาลากลาง จ.ปัตตานี 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดกิจกรรมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน สัญจรภาคใต้ โดยจัดการเสวนา “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” มีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และตัวแทนพรรคเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงนักวิชาการเข้าร่วมเสวนา มีประชาชนสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก 

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าขอคารวะชาวปัตตานีที่ลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้สูงที่สุดในประเทศไทย รวมถึงชาวยะลา และนราธิวาส ส่วนตัวอยากเรียกร้องว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเพราะเป็นคนแรกที่สร้างปัญหา  และส.ว.เลิกทำหน้าที่ทดแทนบุญคุณที่เลือกเขามา ควรใช้สติปัญญาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แก้ไขกฎหมายให้ประชาชนได้ประโยชน์ เชื่อว่าส.ว.มีสมองสติปัญญา แต่บุญคุณค้ำหัวอยู่ ดังนั้นมองว่าพล.อ.ประยุทธ์ควรลาออก 

นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอเริ่มจากอะไรที่จับต้องได้คือการลงทะเบียนซิมการ์ด 2 แชะอัตลักษณ์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกท่านเกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 36 ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกัน มาตรา 26 ก็ระบุให้การคุ้มครองประชาชนไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน เพราะถ้าไม่ลงทะเบียนจะใช้ซิมการ์ดไม่ได้ นี่คือการบีบบังคับ แต่ปัญหาคือ ทำไมประเทศไทยมีกลุ่มบุคคลหนึ่งที่สามารถทำอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วไม่ถูกลงโทษ เช่นถวายสัตย์ไม่ครบก็ไม่ต้องรับโทษ เป็นพวกเราทำแบบนี้บ้างป่านนี้ติดคุกไปแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจกับกลุ่มบุคคลหนึ่งพิเศษ อยู่เหนือกฎหมาย ส่วนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15  ปีที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 4000 คนเสียชีวิตจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราไม่เห็นสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลายท่านบอกว่า อยากให้มีการปกครองแบบพิเศษ ตนคิดว่าทุกที่ ทุกจังหวัดมีความพิเศษ มีความหลากหลาย แต่รัฐที่แข็งทื่ออย่างรัฐไทย พยายามเอากฎกติกา ความคิด ความเชื่อแบบเดียวกันบีบบังคับให้คนต้องเชื่อ นี่คือต้นตอของปัญหา และงบประมาณที่ใช้ 15 ปี สูงถึง 3 แสนล้านบาท  หากเรานำงบประมานจำนวนนี้มาพัฒนาโรงเรียน การคมนาคม โรงงานแปรรูปยางพารา ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะแก้ปัญหาความรุนแรงได้ดีขึ้น หากให้ 7 พรรคใช้งบประมาณจำนวนนี้จะสามารถพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปไกลกว่านี้ได้อย่างแน่นอน 



นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้ไม่มีพลวัตในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดใช้แดนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรัฐประหารปี 57 มีแต่การใช้มาตรการด้านความมั่นคง มองประชาชนเป็นศัตรู ตราบใดที่ยังไม่มีความเป็นธรรม ย่อมไม่มีสันติภาพ ที่ใดยังมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ เราจะไม่มีทางแก้ปัญหาได้ สิ่งที่ขาดหายไปคือกระบวนการสันติภาพ เราต้องกลับมาคิดใหม่ว่าแก่นกลางของการแก้ปัญหาต้องใช้มาตรการทางการทูต การเมือง และมาตรการทางเศรษฐกิจเป็นตัวสนับสนุน แล้วเอามาตรการทางความมั่นคงดูแลความเรียบร้อยรอบนอก และเราจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลยถ้าปัญหาเรื่องโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยยังไม่ถูกแก้ไขว่าใครเป็นเจ้าของอำนาจ เราไม่มีอำนาจในการกำหนดอนาคตของเราเอง อำนาจทุกอย่างถูกนำไปกองไว้ที่กรุงเทพฯ และธรรมนูญฉบับนี้ คือรัฐธรรมนูญที่กุมอำนาจไว้ที่กองทัพ ใช้ความมั่นคงกดขี่ประชาชนทุกจังหวัด นี่คือรัฐธรรมนูญที่ออกหัวพล.อ.ประยุทธ์ชนะ ออกก้อยประชาชนแพ้ วันนี้ประเทศไทยไม่มีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เราต้องมีกติกาที่จะอยู่ร่วมกันได้ภายใต้แนวคิดที่หลากหลาย ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนว่ากติกาแบบไหนที่ทุกฝ่ายจะยอมรับร่วมกัน เราไม่ได้เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศคิดเห็นไปในทางเดียวกันเพราะเป็นไปไม่ได้ แต่เราบอกว่าอย่างน้อยที่สุดเรามาเคารพกติกาเดียวกันยังไม่สายเกินไป แต่ถ้าวันนี้เราไม่แก่รัฐธรรมนูญสังคมจะเดินไปสู่ทางตัน การแก้รัฐธรรมนูญเป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วธ.ประเดิมงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ เปิดสารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน”

กระทรวงวัฒนธรรมเปิด “งานวัดพัฒนาประชาคม ไหว้พระรับพรย้อนวันวาน สารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน” ณ วัดประยุรวงศาวาส  ภายใต้งานใต้ร่มพระบารมี 2...