วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562

'อนุทิน'ขอบคุณบุคลากร สธ. ผลักดันระบบสุขภาพคนไทยดังไกลระดับโลก

  


วันที่ 27 กันยายน 2562  ที่โรงแรมเซนทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานงานชี้แจงผลการดำเนินงาน และมอบนโยบายแผนงาน โครงการตัวชี้วัดของกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ 256 โดยมีนายสาธิต ปิตุเดชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารในกระทรวง และข้าราชการ เข้าร่วมงานจำนวนมาก

นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายพื้นฐานของกระทรวงสาธารณสุข คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง เศรษฐกิจไทยแข็งแรง งานของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่เพียงดูแลเรื่องสังคม แต่เกี่ยวพันกับเรื่องเศรษฐกิจด้วย ถ้าคนไทยแข็งแรง เราจะประหยัดงบเรื่องสุขภาพได้มาก และเราจะมีกำลังไปเดินหน้าเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ปัจจุบัน เวลาไปประชุมเรื่องสาธารณสุขร่วมกับนานาชาติ เราไปในฐานะผู้นำ ชัดเจนว่า เรื่องการให้บริการด้านสุขภาพของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับระดับโลก 

"ต้องขอขอบคุณบุคลกรด้านสาธารณสุขไทย ที่ร่วมมือ ร่วมใจ ผลักดันการทำงานจนประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นจากความพยายามอย่างหนักหน่วงของบุคลากรในกระทรวง และแน่นอนว่า เราไม่สามารถเอาใจคน 70 ล้านคนได้ครบ จึงอาจมีเสียงวิจารณ์ออกมาบ้าง แต่อย่าท้อแท้ เพราะเชื่อว่าท่านทำเต็มที่ ถ้าคิดว่าให้ไปหมดแล้ว ก็พอใจได้" นายอนุทิน กล่าวและว่า การทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ต้องไม่ทำเล่นๆ ขอไปที แต่ต้องทำจริงจัง เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตคน เราต้องเพิ่มศักยภาพการให้บริการของกระทรวงสาธสรณสุข ให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้ การให้บริการด้สนสาธารณสุขไทย ยอดเยี่ยมแซงหน้าหลายชาติไปแล้ว เพราะ เดินทางไปมาหลายประเทศ เห็นโรงพยาบาลในหลายชาติ ที่ว่าคุณภาพดี สู้ของไทยไม่ได้ พูดให้เป็นกำลังใจ แต่ขออย่าหยุดการพัฒนาตัวเอง 

เรื่องที่อยากเน้นย้ำคือ อสม.ต้องไม่ถูกมองข้าม เพราะเป็นส่วนเติมเต็มระบบสาธารณสุขไทย ตอนนี้ ให้นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ว่าที่อธิบดีกรมส่งเสริมสุขภาพเข้าไปดูแล อสม.แล้ว ถือว่าเป็นงานใหญ่ งานยาก แต่เชื่อว่านายแพทย์ธเรศ ทำได้ เพราะเป็นงานที่ถูกฝา ถูกตัว เนื่องจากท่านเคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมนี้มาก่อน ส่วนองค์การอาหารและยา ได้ส่งนายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้มเข้าไปนั่งเป็นอธิบดี เพราะท่านเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ อย.น่าจะเข้าใจงาน และยกระดับ อย.ได้

สำหรับเรื่องงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุข มีงบในมือเป็นหลักแสนล้าน และสามารถขอเพิ่มได้ หากมีความจำเป็นจริงๆ ดังนั้น ประชาชนอย่างกังวล เพราะรัฐบาล ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพคนไทย

จากนั้นนายอนุทิน ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนใน 5 ประเด็น คือ 1.พัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2.ให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกาย ใจ และมีความมั่นคงทางสุขภาพ 3.ให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ลดความแออัด ลดเหลื่อมล้ำ ลดรอคอย และลดภาระค่าใช้จ่าย 4.ผลักดันการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข และ 5.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

ด้าน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็น จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้ ซึ่งในปี 2563 เน้นการดำเนินงานที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การส่งเสริมสุขภาพบุคลากรและประชาชน เน้นให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเอง โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นต้นแบบที่ดี ควบคุมอาหาร บริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัย เพื่อลดปัญหาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเสริมสร้างความอบอุ่นในครอบครัว 2.การลดความแออัดในโรงพยาบาล ใช้เทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกบริการประชาชน  ผู้ป่วยสามารถเป็นเจ้าของข้อมูลตนเอง เกิดประโยชน์ต่อการบริหารจัดการ 3.สร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร โดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้เป็นกำลังสำคัญช่วยขับเคลื่อนภารกิจด้านสาธารณสุขที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด
    
ทางด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายเร่งรัดของผู้บริหารไว้ 10 ประเด็น คือ 1.การส่งเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัย มุ่งเน้นในกลุ่มวัยแม่และเด็ก ผู้สูงอายุ การเสริมสร้างความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และการออกกำลังกาย 2. การควบคุมป้องกันวัณโรค เน้นความครอบคลุมในการค้นหา และเพิ่มอัตราความสำเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ 3. การจัดการภัยคุกคามความมั่นคงทางสุขภาพ เร่งรัดการยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่อันตรายต่อสุขภาพ และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 4.การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ 5.การลดแออัด ลดรอคอยในโรงพยาบาล โดยการเพิ่มการให้บริการใน PCC เขตเมือง การรับยาที่ร้านขายยา การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาห้องฉุกเฉินคุณภาพ 6.การจัดการโรคหลอดเลือดสมอง และโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 7.การเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ อย่างทั่วถึง มีคุณภาพและปลอดภัย 8.การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อเศรษฐกิจ สนับสนุนการใช้สมุนไพรไทย พัฒนาเป็น Medical Hub 9.การพัฒนาองค์กรสู่องค์กรคุณภาพ และการพัฒนาสู่องค์กรแห่งความสุขในหน่วยงานทุกระดับ 10. การพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของเขตสุขภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...