เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายคำพัน อั่นลาวัน เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายเกดมะนี ชูพอนเทวา เลขานุการเอก (ฝ่ายการเมือง และความร่วมมือพหุภาคี) และนายวันนะพา คำมะนี เลขานุการเอกอัครราชทูตฯ และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและร่วมหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว ภายใต้กลไกของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีรพร สุวรรณฉวี คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ
นายอนุทิน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรไทยมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน โดยได้รับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเวลามากกว่า 73 ปี ซึ่งการหารือร่วมกับท่านเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่ง สปป.ลาว ประจำประเทศไทยในวันนี้ จะทำให้เกิดแนวทางการหนุนเสริมระหว่าง 2 ประเทศเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความยั่งยืน อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยมีกลไกในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีผ่านการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทยลาว ซึ่งเป็นกลไกการกระชับความร่วมมือของจังหวัดชายแดนในทุกด้าน ทุกมิติ ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยาลุ่มแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง รวมถึงเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนถาวร หรือจุดผ่อนปรนการค้า เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดน ตลอดจนการส่งเสริมความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (Sister City) ซึ่งปัจจุบันมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันแล้วจำนวน 2 คู่ ได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร-แขวงสะหวันนะเขต และจังหวัดเพชรบูรณ์-แขวงหลวงพระบาง และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน 3 คู่ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย-แขวงบ่อแก้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา-แขวงจำปาสัก จังหวัดขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมและดำเนินกิจกรรมที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ เสริมสร้างการเป็น Globalize Citizen อันจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
นายคำพัน กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในวันนี้ได้โอกาสเข้าคารวะ นายอนุทินพร้อมทั้งได้มีโอกาสหารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว สปป.ลาว มีแนวคิดที่จะร่วมกับประเทศไทยพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนไทย-ลาวทุกด่าน การสร้างทางรถไฟไทย-ลาว ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการส่งเสริมด้านการค้าระหว่างประเทศให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน สปป.ลาว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดงานแสดงสินค้า (Trade Fair) จึงขอเรียนเชิญประเทศไทยร่วมนำสินค้าหัตถกรรมภูมิปัญญาไทย หรือสินค้า OTOP ที่มีความสวยงาม มีคุณค่ายิ่ง และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว เพื่อไปจัดแสดง ณ สปป.ลาว รวมไปถึงจะได้เชิญนักกีฬาฟุตบอลไทยเพื่อไปแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดทักษะ ให้กับนักกีฬา สปป.ลาว เนื่องจาก เยาวชน สปป.ลาว มีความชื่นชอบในกระแสของฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เรายังส่งเสริมและขับเคลื่อนการส่งเสริมการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (Sister City) โดยเฉพาะคู่ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี และแขวงจำปาสัก ที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเราจะได้ร่วมมือกันเพื่อบูรณาการ และจะได้หารือในรายละเอียดกับกระทรวงมหาดไทยต่อไป
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ สปป.ลาว โดยกระทรวงมหาดไทยในฐานะส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ด้านการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนได้นำนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนเพื่อเสริมสร้างสิ่งที่ดีให้กับชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งการหารือร่วมกับท่านเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทยในวันนี้ มีเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ทาง สปป.ลาว ให้ความสนใจกับการส่งเสริมงานหัตถศิลป์หัตถกรรมและภูมิปัญญาไทย และเชิญชวนกระทรวงมหาดไทยนำสินค้า OTOP ไปจัดแสดงที่ สปป.ลาว อันเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดและเป็นการเผยแพร่เอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาพี่น้องชาว สปป.ลาว ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยในการสร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะด้านกีฬาเป็นสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุนและผลักดันอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเรามีนักกีฬาเยาวชนผู้มีความสามารถเป็นจำนวนมาก หลากหลายชนิดกีฬา และหลากหลายทีม ในทุกภูมิภาค และตนในฐานะอุปนายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย (Thailand Volleyball Association) ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนนักกีฬาวอลเลย์บอลเพื่อเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนทักษะกีฬาต่อไป ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อันจะสร้างความสัมพันธ์อันดีของพี่น้องประชาชนไทย และ สปป.ลาว ให้มีความแน่นแฟ้นตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น