“รองนายกฯสมศักดิ์” ร่วมทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ จังหวัดหนองคาย พร้อมตั้งวงเสวนารับฟังปัญหา ยืนยันรัฐบาลช่วยสนับสนุนเต็มที่ หลัง ประชาชน ชงเป็นเมืองท่องเที่ยว ชี้เป็นเมืองน่าเที่ยว ติดริมโขง ตรงข้ามเวียงจันทน์ เชื่อ ถ้าผลักดันได้จะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ชม สส.หนองคาย เก่ง ไม่ทิ้งประชาชน ขณะที่ “ดร.อนงค์วรรณ”ปลื้ม ชาวบ้านจำโครงการในพื้นที่ สมัยเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แนะดันทอผ้าชุดไทยของอำเภอศรีเชียงใหม่ เป็นซอฟต์พาวเวอร์
วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภริยา ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการและปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมประชาชน ในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย รวมถึงรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมี น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย นายเอกธนัช อินทร์รอด สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และอดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และ นายภุชงค์ ชานันโท นายกเทศมนตรีตำบลศรีเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ
โดยบรรยากาศในช่วงเช้า นายสมศักดิ์ และดร.อนงค์วรรณ ได้ร่วมงานประเพณีงานออกพรรษาประจำปี 2566 ในกิจกรรมทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ที่เทศบาลตำบล ศรีเชียงใหม่ โดยได้สวมชุดผ้าไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวศรีเชียงใหม่ ร่วมกับประชาชน และสส.ในพื้นที่
จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้ร่วมเสวนาในแนวทางการพัฒนา อำเภอศรีเชียงใหม่ โดยมีภาคประชาชน ส่วนราชการเข้าร่วม โดยในวงเสวนา ได้สะท้อนแนวทางปัญหาและอยากให้มีการแก้ไขพัฒนาคือ อยากได้งบจากรัฐบาล เพื่อบูรณะสิ่งปลูกสร้างของรัฐที่มีสภาพชำรุด เช่น ด่านศุลกากร หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ใช้มาแล้วหลายสิบปี ขณะเดียวกัน ยังเรียกร้องให้รัฐนั้น สนับสนุนอำเภอศรีเชียงใหม่ ในเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะในพื้นที่ มีความพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวและมีความสวยงาม เนื่องจากเป็นอำเภอที่ติดริมฝั่งโขง จึงอยากให้สนับสนุนในเรื่องการปรับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำโขงด้วย ขณะเดียวกัน ก็อยากให้ทางการของไทย คุยกับลาว เพื่อเปิดด่านให้มีการค้า รวมถึงให้คนไทยและลาว สามารถข้ามไปเที่ยวได้ทั้งสองประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณ สส.เอกธนัช ที่ได้ชักชวนตนมา ซึ่งด้วยความรักใคร่ จึงต้องรีบเดินทางมาในวันนี้ โดย สส.ของทุกท่าน ได้เล่าให้ตนฟังว่า อำเภอศรีเชียงใหม่ ในช่วงกลางคืน จะมีความสวยงามมาก เนื่องจากฝั่งตรงข้ามคือ นครเวียงจันทน์ ซึ่งมีไฟที่สว่างไสวสวยงาม จึงเป็นเมืองที่น่ามาท่องเที่ยว รวมถึงน่าลงทุน เพราะคนอยากเดินทางมาพักผ่อน ซึ่งเมื่อตนเดินทางมาถึง ก็ยอมรับว่า สวยงามอย่างที่ว่าไว้ และสวยงามกว่าที่จินตนาการ โดยชื่อนครศรีเชียงใหม่นั้นยิ่งใหญ่ เป็นเมืองที่มีความเป็นศักดิ์ศรี ซึ่งหากวันนี้ เราสามารถผลักดัน ด่านข้ามแดนตรงจุดนี้ได้ ตนเชื่อมั่นว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในเรื่องของการส่งออก รวมถึงการท่องเที่ยว แต่เรื่องนี้เราต้องให้รัฐบาลช่วยเจรจาระหว่างประเทศกับ สปป.ลาว โดยเชื่อว่า รัฐบาลจะช่วยผลักดันอย่างเต็มที่
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากนี้ทางเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ รวมถึงจังหวัด ก็จะต้องช่วยกันทำแผนโครงการให้ชัดว่า การสร้างแลนด์มาร์ค ต้องใช้งบประมาณเท่าไร รวมถึงหากมีแลนด์มาร์คแล้ว จะมีมูลค่าการส่งออกเท่าไหร่ ซึ่งต้องมีการทำเป็นรูปแบบ และแบบแผนที่ชัดเจน ถึงจะสามารถนำไปพัฒนากันต่อได้อย่างสมบูรณ์ เพราะต้องยอมรับว่า การมีแลนด์มาร์คนั้น จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อีกส่วนสำคัญ ในฐานะหน่วยงานท้องถิ่น ก็ต้องรู้ระบบในการขอถนน และขอน้ำด้วยว่า มีวิธีการอย่างไร เพื่อที่จะได้รองรับการพัฒนาให้สอดรับกัน
"อะไรที่ผมผลักดันในคณะรัฐมนตรีได้ ก็จะทำให้เต็มที่ เราเป็นผู้เสนอเรื่อง ก็ต้องทำเร็วเช่นกัน เราจะไม่ทำงานกันแบบโบราณสมัยก่อน เพราะเราจะเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก โดยเวลานี้รัฐบาล อยากผลักดันให้ทุกอย่าง มีรายได้สูงขึ้น ดังนั้น การที่ผมมานอนที่อำเภอศรีเชียงใหม่ ก็ไม่ได้มานอนเล่น แต่ตั้งใจที่จะมาเพื่อรับฟังปัญหา และอยากเห็นด้วยตัวเอง แม้วันนี้ยังคิดไม่ได้ แต่วันข้างหน้าต้องคิดได้ เพราะ สส.ทั้ง 2 ท่านในจังหวัดหนองคาย เป็นคนดีมาก ไม่ว่าจะเจอกันตอนไหน เขาจะขอความช่วยเหลือในเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องชาวหนองคายตลอด นั่นหมายความว่า สส.ทั้ง 2 ท่าน ไม่เคยคิดทอดทิ้ง พี่น้องประชาชน" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่ ดร.อนงค์วรรณ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณสำหรับที่เชิญและได้เล่าว่า สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ได้มีการผ่านงบประมาณในการสร้างบ่อกำจัดขยะมูลฝอย มูลค่ากว่า 162 ล้านบาท ซึ่งในเวลานั้น เราไม่ได้ช่วยเพียงแค่อำเภอศรีเชียงใหม่ แต่เราทำไปยังหลายจังหวัด โดยตนต้องบอกตรงๆว่าลืมไปแล้ว แต่ก็รู้สึกชื่นใจ ที่ทุกคนไม่ได้ลืมในสิ่งที่ได้ทำให้กับประชาชน ซึ่งจังหวัดหนองคาย ถือเป็นจังหวัดที่อากาศดีมาก เป็นเมืองที่น่าอยู่ เนื่องจากติดริมแม่น้ำโขง ดังนั้น เวลานี้อย่าเพิ่งไปน้อยใจว่า บางสิ่งบางอย่างเราอาจจะไม่ได้ ซึ่งเราต้องเดินหน้าและสู้ต่อเพื่อสังคมและพี่น้องประชาชน แต่ต้องยอมรับว่า การทอผ้าชุดไทยของอำเภอศรีเชียงใหม่นั้น มีคุณภาพดี และถ้าเดินในทางที่ถูกจุดเชื่อว่า นี่แหละคือ Soft Power ที่โดดเด่นของอำเภอศรีเชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น