เจ้าหน้าที่กดดันหนัก แก๊งทวงหนี้บุกพังร้านส้มตำในอำเภอสรรคบุรี ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว ด้านผู้ว่าฯ ชัยนาท เผยพร้อมเร่งขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย "เศรษฐา" ยัวะแก๊งทวงหนี้เหิมก่อนคิกออฟ 8 ธ.ค. ตร.ชัยนาทไวตามรวบทันควัน
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดเผยถึงกรณีปรากฏข่าวสารในสื่อออนไลน์ว่าในพื้นที่อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท มีกลุ่มแก๊งทวงหนี้ออกข่มขู่และทำลายข้าวของพี่น้องประชาชนที่ทำการลงทะเบียนข้อมูลหนี้นอกระบบในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ตนได้รับรายงานว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสรรคบุรีแล้ว และเจ้าหน้าที่กำลังขยายผล เพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายอย่างไม่มีละเว้น
นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า กรณีปรากฏข่าวสารทางสื่อออนไลน์ว่า วันนี้ เมื่อเวลา 04.31 น. มีภาพกล้องวงจรปิดของร้านส้มตำในพื้นที่ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ได้เห็นผู้ไม่ประสงค์ดี 2 คน เข้ามาทำลายข้าวของภายในร้าน โดยเจ้าของร้านมั่นใจว่าคนร้ายเป็นแก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบ ซึ่งตนไปกู้เงินมาและเคยมาทวงหนี้ที่ร้าน จนมีโครงการแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลตนจึงไปลงทะเบียน ทำให้เจ้าหนี้ไม่พอใจส่งลูกน้องมาตามทวง ข่มขู่หลายครั้ง จนกระทั่งเข้ามาทำลายข้าวของที่ร้านตามที่เห็นในภาพกล้องวงจรปิด
“เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ได้มีผู้ไปแจ้งควาคือสามีเจ้าของร้าน ตำบลแพรกศรีราชา ให้ข้อมูลว่าทราบว่าได้กู้เงินนอกระบบจำนวน 30,000 บาท โดยกู้เงินมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเป็นรายวัน วันละ 850 บาท ซึ่งผู้เสียหายได้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่อำเภอสรรคบุรี โดยมีเจ้าหนี้ 3 ราย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ทางอำเภอสรรคบุรีได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้ 3 ราย เจ้าหนี้ 2 ราย ตกลงยินยอมหยุดคิดดอกเบี้ยให้คืนเฉพาะเงินต้น แต่เจ้าหนี้อีก 1 ราย โทรศัพท์ติดต่อได้แต่ไม่รับสาย” นายนที กล่าวและว่า
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากสามีของผู้เสียหาย ฝ่ายปกครองอำเภอสรรคบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสรรคบุรี พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมบูรณาการ สืบสวน และกดดัน จนผู้กระทำความผิดติดต่อขอเข้ามอบตัว โดยในขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 2 ราย โดยเข้าไปพังร้านส้มตำได้แล้ว โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นว่า มีการกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์" ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายมาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จริง ซึ่งการดำเนินการต่อไปจะมีการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลไปยังเจ้าของเงินกู้นอกระบบนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการไม่มีละเว้น และจะดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ทุกราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการยกระดับการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมถึงประเด็นการขจัดความยากจนของคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ “ปัญหาหนี้นอกระบบ” และ “ปัญหาหนี้สินรายย่อย” โดยดำเนินการเชิงรุกด้วยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ" ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตทุกแห่ง หรือช่องทางออนไลน์ และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ โดยเปิดรับลงทะเบียนขอความช่วยเหลือแก้ไขหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการทวงถามหนี้โดยมิชอบด้วยกฎหมายเชิงรุกให้กับพี่น้องประชาชน
“จังหวัดชัยนาท มุ่งมั่นในการกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองทุกประเภท จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าที่ ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันระแวดระวังบ้านเมืองของเรา ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงด้วย หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เเจ้งเบาะเเสจะถูกคุ้มครองและปกปิดเป็นความลับ ป้องกันไม่ให้พลเมืองดีต้องได้รับภัยจากการเเจ้งเบาะเเสดังกล่าว” นายนทีฯ กล่าวทิ้งท้าย
"เศรษฐา" ยัวะแก๊งทวงหนี้เหิมก่อนคิกออฟ 8 ธ.ค. ตร.ชัยนาทไวตามรวบทันควัน
ทั้งนี้ที่โรงแรมเดอะ กรีนเนอร์รี่ รีสอร์ต เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียก พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มาหารือกรณีแก๊งเงินกู้บุกพังร้านอาหารกลางดึกที่ จ.ชัยนาท หลังลูกหนี้ขึ้นทะเบียนแก้หนี้นอกระบบกับรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เรียกตำรวจซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบให้มารับนโยบาย กรณีดังกล่าวรัฐบาลรับไม่ได้ เป็นการท้าทาย เป็นอะไรที่ตนรับไม่ได้ บอกไปว่าต้องจัดการให้เด็ดขาด ต้องสาวให้ถึงตัวคนทำให้ได้และถือเป็นกรณีตัวอย่าง เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ในฐานะที่ผลักดันนโยบายนี้ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ การที่เป็นหนี้นอกระบบ และประชาชนถูกรังแก ด้วยการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เป็นธรรม ประชาชนเองไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงาน อาจจะหันไปพึ่งยาเสพติด และตามมาด้วยปัญหาอาชญากร จึงจะต้องแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ได้
"จะแถลงข่าวเรื่องแก้หนี้ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ การเกิดเหตุก่อนที่รัฐบาลจะประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ถือว่าท้าทายอย่างมาก บ้านเมืองเรามีกฎหมาย โดยขณะนี้รู้ตัวเจ้าหนี้แล้ว อาจจับกุมได้ในวันที่ 7 ธันวาคม ก่อนจะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ฝากไปบอกผู้บัญชาการภาคทุกพื้นที่ กรณีนี้เราต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะถือเป็นการข่มขู่ หากกลัวแล้วไม่มาแจ้ง เราไม่ทราบว่าท่านมีหนี้หรือไม่ ผมยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดูแลคุ้มครองประชาชน ใครโดนข่มขู่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลย ตำรวจจะยึดตามกฎหมาย ส่วนหนี้นอกระบบหากมีข้าราชการและผู้มีอิทธิพลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น แต่ละกรณีมีความแตกต่างกันไป ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่โดนกล่าวโทษด้วย ยืนยันว่าถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างมีธงว่าใครอยู่เบื้องหลัง" นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา จะคิกออฟมอบนโยบายแก้หนี้นอกระบบให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อแก้หนี้นอกระบบให้เป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญเร่งแก้ไข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น