นายกฯชื่นชมความสำเร็จ ยกเป็นต้นแบบความเข้มแข็ง และการมีส่วนร่วมของชุมชน สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เวลา 13.40 น. ณ บริเวณสถานีตำรวจหัวโทน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมโครงการนาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา (โครงการบำบัดผู้ติดยาเสพติด) โดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส. ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย รวมถึงประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ และถือป้ายเรียกร้องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยป้ายข้อความระบุว่า เราต้องการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ,ชาวร้อยเอ็ดอยากได้ 10,000 บาท,เศรษฐกิจร้อยเอ็ดแย่เอาเงิน 10,000 บาท มาเยียวยาก่อนได้ไหม
ทั้งนี้ ทันทีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางถึง ได้มีผู้ให้การต้อนรับนำผ้าขาวม้ามาผูกเอว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินไปยังป้ายข้อความที่เรียกร้องโครงการเงินดิจิทัล พร้อมถ่ายรูปกับประชาชนที่ถือป้ายดังกล่าว
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ลงพื้นที่อีสานดูน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดยโสธร ดีใจที่ปัญหาคลี่คลายไปบ้าง แต่ปัญหาที่มีอยู่คือเรื่องปากท้อง ผลิตผลทางการเกษตร ข้าวซึ่งซึ่งที่จังหวัดร้อยเอ็ดปลูกกันเยอะ รัฐบาลจะไปเปิดตลาดใหม่นำนวัตกรรมเข้ามาเสริม เพื่อให้รายได้สุทธิต่อครัวเรือนสูงขึ้น ส่วนค่าใช้จ่าย ของประชาชนที่สูงรัฐบาลได้ดำเนินการดำเนินการพักหนี้ค่าน้ำค่าไฟลดค่าน้ำและค่าไฟ ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปากมีกำลังใจในการทำงาน ขณะที่ปัญหาที่กัดกินสังคม เช่นเรื่องยาเสพติดที่แพร่หลายเรายอมไม่ได้ที่จะให้ลูกหลานเป็นทาสของยาเสพติด ที่ อำเภอสุวรรณภูมิ ถือว่าทำได้ดี โดยใช้ชุมชนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างครบวงจร และไม่ใช้ความรุนแรงใช้ความเข้มแข็งของครอบครัวมาช่วย หวังว่าโมเดลนี้จะถูกนำไปใช้ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในที่อื่นต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ดูได้จากแววตามีความจริงใจจริงจังและอยากให้มีผลสัมฤทธิ์ แก้ไขปัญหาได้ทั่วประเทศ และขอชื่นชมการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการของสถานีตำรวจภูธรหัวโทน ที่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงต้องขอชื่นชม ดังนั้นขอให้หน่วยงานราชการบูรณาการและเป็นเสาหลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่วมกัน ปราบปรามผู้มีอิทธิพลดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นระบบ ขณะที่ผู้ค้าต้องถูกปราบปรามอย่างเคร่งครัด และยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด และขอเน้นย้ำรัฐบาลนี้เอาจริงกับเรื่องยาเสพติด เพราะเป็นเรื่องที่กัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และถึงเวลาที่จะต้องจัดการต่อไป โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)เป็นหน่วยงานสำคัญที่จะช่วยผลักดันเรื่องนี้ได้ จึงขอฝากถ้าเป็นไปได้อยากให้เอางานของสถานีตำรวจภูธรหัวโทนโมเดลนี้ไปแพร่ขยายในทุกสถานีตำรวจ เพื่อทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ครั้งต่อไปตนจะสั่งการในเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯได้เดินพูดคุย และให้กำลังใจผู้ติดยาเสพติดที่ได้รับการบำบัด
ทั้งนี้นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดรายงานผลการดำเนินโครงการนาคาพิทักษ์ว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 พบสถิติการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชลดลง และตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 - มกราคม 2566 ไม่มีการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชอีกเลย ทั้งนี้ ก่อนดำเนินโครงการพบว่ามีผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่จำนวน 35 ราย โดยได้ทำการคัดแยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสีแดง จำนวน 6 ราย ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและนำส่งตัวรักษาโรงพยาบาลรักษาจิตเวช 2. กลุ่มสีเหลือง จำนวน 6 ราย และ 3. กลุ่มสีเขียว จำนวน 23 ราย ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ได้นำเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยชุมชนและรักษาด้วยโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยให้ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ให้ญาติผู้ปกครอง ทีมนาคาพิทักษ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยติดตามอาการไม่ให้ผู้ป่วยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและของมึนเมา
นอกจากการรักษาดังข้างต้น ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านแอพพลิเคชัน LINE เพื่อประมวลผลติดตาม กำกับ ดูแล และแจ้งเหตุ เพิ่มความสะดวกสบาย และความรวดเร็วง่ายแก่การควบคุม และเผชิญเหตุโดยจะให้ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่โครงการนาคาพิทักษ์ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกลุ่ม LINE เพื่อรายงานผลติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่ผู้ป่วยตื่นจนถึงผู้ป่วยนอนหลับ ซึ่งหากพบมีอาการผิดปกติ เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว คุ้มคลั่ง ไม่ทานยา ทีมนาคาพิทักษ์จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยทันที เพื่อกำกับ ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยก่อเหตุ และทานยาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเพื่อสร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ป่วย และประชาชน เพื่อเรียกศรัทธาต่อการดำเนินโครงการ ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ ทำให้ผู้ป่วยทุกคนกลายเป็นผู้ป่วยสีเขียว ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมได้ สามารถทำงาน ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมได้ตามปกติ ซึ่งปัจจุบันไม่มีสถิติการแจ้งเหตุผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่อีก ผลของความสำเร็จของการดำเนินโครงการเพราะความร่วมมือร่วมใจ และความเข้มแข็งของผู้ป่วย ผู้ปกครอง และสังคม ทำให้ชุมชนน่าอยู่ ปลอดผู้ป่วยจิตเวช
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวแสดงความดีใจที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน รัฐบาลมีนโยบายเปิดตลาดการค้าใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ และทำให้ประชาชนมีรายได้สุทธิต่อครัวเรือนสูงขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าประชาชนประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาวะหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอก รวมถึงประกาศลดราคาน้ำมันดีเซล ลดค่าน้ำค่าไฟ เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ทำให้มีกำลังใจในการทำมาหากิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการแก้ไขปัญหายาเสพติดของสถานีตำรวจหัวโทน ยกให้เป็นต้นแบบการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ประสบความสำเร็จ พร้อมชื่นชมความเข้มแข็งของผู้ป่วย ผู้ปกครองและชุมชนที่มีความเข้มแข็งร่วมมือแก้ไขปัญหา หวังให้โครงการฯ ขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศนำไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างยืน พร้อมกับกล่าวย้ำให้ส่วนราชการเป็นเสาหลักบูรณาการทำงานร่วมมือกับชุมชน บริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมกับพบปะให้กำลังใจผู้ป่วยยาเสพติดที่ทำการรักษาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงสาเหตุของการเข้าไปเสพยา พร้อมสอบถามอาการต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ป่วยเข้มแข็ง มีกำลังใจที่ดี กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อย่าหันกลับไปใช้ยาเสพติดอีก
เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตชี้นักวิชาการก็เป็นแค่หนึ่งเสียง
นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีประชาชนหลายพื้นที่เรียกร้องโครงการเงินดิจิทัล ว่า มีประชาชนหลายพื้นที่แสดงเจตจำนงค์ว่าอยากได้มาก ตนก็ดีใจเพราะตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายท่านไม่เห็นด้วย เรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ ตนยืนยันตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ รัฐบาลและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เราน้อมรับไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก
นายกฯ กล่าวยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัล ไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนเลือกตั้งให้เรากลับมาใหม่ แต่เป็นโครงการที่เราตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ตลอดเวลาที่เราเข้ามาบริหารงาน เรื่องการลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ประชาชนจะมีขวัญและกำลังใจทำมาหากิน เราได้ลดค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานเชื้อเพลิงแล้ว และอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการพักหนี้เกษตรกรแล้ว ยืนยันเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการที่ประชาชนมีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะ จะไม่มีขวัญกำลังใจทำมาหากิน การลดค่าใช้จ่ายของเราก็เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจทำมาหากิน แต่ก็มีปัญหาอีกเมื่อมีขวัญกำลังใจแล้วเอาเงินทุนจากที่ไหน คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่บนฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีเยอะมากในสังคมไทย เขาไม่มีเงิน งบประมาณของโครงการนี้ประมาณ 5 แสนกว่าล้าน ไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่ตั้งใจเอามาเพื่อซื้อเสียง เราทำออกมาเพื่อให้โดนใจประชาชนและมีเงินทุนในการประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติมีศักศรี
"นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ผมน้อมรับ แต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินจิจิทัล เราน้อมรับฟังและนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เสียภาษี ฝ่ายประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากที่หมักหมุมมานาน ผมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจ และจะฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดความลำบากของประชาชน การที่ประชาชนขาดเงินทุนที่จะไปดำรงชีพเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญที่สุด ยืนยันจะไม่มียกเลิกเงินดิจิทัล" นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า นักวิชาการควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยใช่หรือไม่ นายเศษฐา กล่าวว่า ใช่ครับ ตนขอวิงวอนว่านักวิชาการแสดงความคิดเห็นมาเยอะ ขอให้แสดงความคิดเห็นออกมาอีก และนักวิชาการที่เห็นด้วยก็มีก็ช่วยแสดงความคิดเห็นมาด้วย ตนในฐานะคนกลางตัวแทนประชาชน ก็จะนำไปพิจารณาและปรับปรุงโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดให้โดนใจทุกคน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโอกาสได้พูดคุยกับนักวิชาการที่เห็นต่าง เพื่อให้ไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดี นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันตนคุยตลอด สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คุยกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย และทีมงานก็คุยกับนักวิชาการหลายท่าน ได้ไปพูดคุยและรับฟังตลอด
เมื่อถามอีกว่าการที่มีเสียงคัดค้านเป็นไปได้หรือไม่เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด นายกฯตอบว่า ก็เป็นไปได้ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาจยังไม่เข้าใจ ขอให้ตกผลึกทั้งหมดก่อนในแง่นโยบายว่ารายละเอียดมีอะไรบ้าง เช่นบางคนบอก 4 ตารางกิโลเมตรอาจไม่พอ เพราะบางที่มองไปมีแต่ทุ่งไม่มีร้านค้าจะทำอย่างไร รัฐบาลรับฟังเดี๋ยวจะไปพิจารณาใหม่ เพราะน่าจะปลายเดือนต.ค. น่าจะออกมาได้ทุกอย่าง ขอให้อดทนนิดหนึ่ง
เมื่อถามย้ำว่า เหมือนมีข้อมูลทั้งหมดในมือหมดแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มี ตนมีข้อมูลแล้ว และย้ำว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ใช้ครั้งเดียวไม่ได้ทำทุกปี ถ้าทำแล้วไม่ใช่แค่ประชาชน ภาคอุตสาหกรรมก็จะได้ สื่อลองคิดดูวันที่ดิจิทัลวอลเล็ตไปสู่กระเป่าเงินประชาชนทุกคนประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาท ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะผลิตสินค้ามารองรับหรือไม่ ก็จะมีการซื้อวัตถุดิบมีการจ้างงาน ห้างร้านก็จะมีกำไร มีการจ่ายภาษีเกิดขึ้น รัฐบาลไม่ใช่จ่ายอย่างเดียวเราก็มีรายรับกลับมา เราคิดแล้ว และน้อมรับฟังข้อคิดเห็นของทุกฝ่าย ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาได้ ประชาชนต้องมีเงินทุนก่อน ถ้ามีเงินทุนแล้วนโยบายการเกษตรที่มีนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามา การที่เราจะไปเปิดตลาดให้ราคาพืชผลดีขึ้น หลายอย่างจะทยอยเข้ามา ขอความเห็นใจว่าเราพยายามทำดีที่สุด เรารับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ไม่ได้กังวลใช่หรือไม่กับนโยบายดีดีที่มีคนออกมากะตุกแขนกระตุกขา นายเศรษฐา กล่าวว่า สื่อถามตนถึงความกังวล ตนกังวลทุกเรื่องเพราะอยู่ตำแหน่งตรงนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับข้อคิดเห็นของทุกฝ่าย ถ้าท่านทักท้วงมาเราก็กังวล เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิให้ความคิดเห็นเรามา ตนมีความกังวลแต่พยายามทำดีที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น