ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno
(Verse 1)
ความรักคือการให้ ไม่ใช่การยึดถือ
ลูกคือลมหายใจที่ผ่านใจเราไป
การแต่งงานไม่ใช่เพียงพันธะที่ต้องมี
แต่คือการสร้างสรรค์ร่วมกันในวันใหม่
(Chorus)
เดินตามทางรักและชีวิตด้วยปัญญา
เหมือนเรือล่องลมที่พัดพาไปไกล
เหตุผลเป็นหางเสือ ความหลงใหลคือใบเรือ
พุทธธรรมช่วยนำทางด้วยใจที่สว่างใส
(Verse 2)
การให้คือความสุข ไม่ใช่การเสียสละ
การทำงานคือการแสดงออกซึ่งรักในสิ่งที่ทำ
แม้ความสุขและความเศร้าอยู่คู่กันเสมอ
พุทธธรรมสอนให้เรามองเห็นความไม่เที่ยง
(Chorus)
เดินตามทางรักและชีวิตด้วยปัญญา
เหมือนเรือล่องลมที่พัดพาไปไกล
เหตุผลเป็นหางเสือ ความหลงใหลคือใบเรือ
พุทธธรรมช่วยนำทางด้วยใจที่สว่างใส
(Bridge)
บ้านคือที่พักใจและกายเรา
เสื้อผ้าปกปิดร่างกายแต่จิตวิญญาณไม่ปิดบัง
การซื้อขายไม่ใช่เพียงแค่แลกเปลี่ยน
แต่เป็นการทำด้วยใจที่ดีและชัดเจน
(Chorus)
เดินตามทางรักและชีวิตด้วยปัญญา
เหมือนเรือล่องลมที่พัดพาไปไกล
เหตุผลเป็นหางเสือ ความหลงใหลคือใบเรือ
พุทธธรรมช่วยนำทางด้วยใจที่สว่างใส
(Outro)
ความตายไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือการเริ่มต้นใหม่
สู่โลกใหม่ที่เราจะไป พร้อมด้วยสติและใจที่ว่างเปล่า
ปรัชญาชีวิตโดยคาลิล ยิบราน เปรียบเทียบกับหลักพุทธธรรม
ความรัก: ความรักของยิบรานเป็นการเติบโตอย่างอิสระ ซึ่งสอดคล้องกับพุทธธรรมในเรื่อง เมตตา และ กรุณา ที่เน้นการรักโดยไม่ยึดติดหรือครอบครอง เช่นเดียวกับการปล่อยวางเพื่อให้ผู้อื่นได้พัฒนา
การแต่งงาน: ยิบรานเห็นว่าการแต่งงานคือการสร้างสรรค์ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่การผูกมัด ซึ่งคล้ายกับหลัก สังขาร ในพุทธศาสนา ที่ทุกสิ่งเป็นการสร้างสรรค์ และไม่มีอะไรที่ต้องยึดติด
ลูก: ลูกเป็นชีวิตที่เกิดผ่านคุณ ไม่ใช่สมบัติของคุณ ซึ่งเข้ากันได้กับหลัก อนัตตา ที่ว่าทุกสิ่งไม่ใช่ของเรา ทุกอย่างเป็นสิ่งชั่วคราว
การให้: การให้คือความสุข ไม่ใช่การเสียสละ พุทธธรรมเน้น ทานบารมี ซึ่งการให้เป็นการปลดปล่อยตนเองจากการยึดติด และนำความสุขใจ
การกินและดื่ม: ยิบรานเห็นว่าการกินดื่มเป็นการเฉลิมฉลองชีวิต พุทธธรรมสอนเรื่อง สัมมาอาชีวะ และ สัมมากัมมันตะ ซึ่งการบริโภคอย่างมีสติไม่ใช่เพื่อการตอบสนองต่อความอยาก แต่เพื่อเลี้ยงชีพอย่างพอเหมาะ
การทำงาน: การทำงานเป็นความรักที่แสดงออก ซึ่งเชื่อมโยงกับหลัก สัมมาวาจา และ สัมมาวายามะ ที่ทำให้เห็นการทำงานเป็นการแสดงออกซึ่งความดีงาม
ความสุขและความเศร้า: ยิบรานเห็นว่าทั้งสองเป็นของคู่กัน สอดคล้องกับหลัก อริยสัจ 4 ที่มองว่าความทุกข์และความสุขเป็นส่วนหนึ่งของการเวียนว่ายในโลกแห่งความไม่เที่ยง
บ้าน: บ้านเป็นที่พักพิงของร่างกายและจิตวิญญาณ ในพุทธศาสนาสอนเรื่อง อริยสัจ ว่าบ้านแท้จริงคือ นิพพาน สภาวะที่พ้นจากความทุกข์
เสื้อผ้า: เสื้อผ้าเป็นสิ่งปกปิดร่างกายและเผยให้เห็นตัวตน พุทธธรรมสอนให้เข้าใจว่า รูป หรือร่างกายนั้นเป็นส่วนชั่วคราวและเป็นเพียงสิ่งห่อหุ้มจิตวิญญาณ
การซื้อและขาย: เป็นการแลกเปลี่ยนตามความต้องการ ซึ่งเข้ากับหลัก สัมมาอาชีวะ ที่การทำมาหากินควรเป็นไปอย่างสุจริตและไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
อาชญากรรมและการลงโทษ: ยิบรานเห็นว่าอาชญากรรมคือการทำร้ายผู้อื่น ส่วนการลงโทษคือการเยียวยา ซึ่งคล้ายกับหลัก กฎแห่งกรรม ที่ทุกการกระทำมีผล และการแก้ไขควรเป็นการเยียวยาจิตใจ
กฎหมาย: ยิบรานมองว่ากฎหมายคือความพยายามสร้างความยุติธรรม ในพุทธศาสนาก็มี ศีล เป็นกฎเพื่อรักษาความสมดุลและความสงบสุขในสังคม
เสรีภาพ: เสรีภาพคือการยอมรับความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน ซึ่งเข้ากับหลัก อริยมรรค ที่สอนให้คนมีสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจาในการดำเนินชีวิตด้วยสติและความรับผิดชอบ
เหตุผลและความหลงใหล: ยิบรานเปรียบเทียบเหตุผลและความหลงใหลเป็นหางเสือและใบเรือของจิตวิญญาณ ซึ่งสอดคล้องกับหลัก สมาธิ และ ปัญญา ที่พุทธศาสนาใช้เป็นเครื่องนำทางในการเดินทางสู่การหลุดพ้น
ความตาย: ความตายคือการเดินทางสู่โลกใหม่ ซึ่งคล้ายกับพุทธธรรมในเรื่อง ไตรลักษณ์ ที่ความตายเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร แต่ไม่ใช่จุดจบ มันคือการเวียนว่ายในสังสารวัฏต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น