วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

ยุทธศาสตร์การเมืองไทย

บทความนี้อภิปรายความหมายและคุณลักษณะของยุทธศาสตร์ตามแนวคิดที่เน้นว่า “ยุทธศาสตร์คือศิลปศาสตร์แห่งสงคราม” (strategy as the art of war) และนำกรอบความเข้าใจดังกล่าวมาวิเคราะห์การประยุกต์ใช้ในบริบทการเมืองไทย โดยชี้ให้เห็นความแตกต่างเชิงวิชาการระหว่าง ศิลปศาสตร์ (Art) กับ วิทยาศาสตร์ (Science) ในการกำหนดนโยบายและการดำเนินยุทธศาสตร์ รวมทั้งวิเคราะห์ผลสืบเนื่องเชิงการเมืองของการมียุทธศาสตร์แบบศิลป (artful strategy) ในสังคมไทย ทั้งในมิติความรับผิดชอบของผู้นำ การรู้สถานการณ์ทั้งหมด (whole situation) และการประสานกำลังระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ บทความสรุปข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาบุคลากรและสถาบันที่รับผิดชอบงานยุทธศาสตร์การเมืองในประเทศไทย


บทนำ: คำจำกัดความของยุทธศาสตร์

ตามแนวความคิดที่ปรากฏในวรรณกรรมการทหารและปรัชญายุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ (strategy) ถูกนิยามในความหมายพื้นฐานว่าเป็น “ศาสตร์แห่งสงคราม” และจากมุมมองทางภาษาอังกฤษ คำว่า strategy ถูกถอดความเชิงประวัติว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “art of war” — ศิลปศาสตร์แห่งสงคราม มากกว่าจะเป็นเพียงวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ ดังที่นักวิชาการบางท่านสรุปว่าการศึกษายุทธศาสตร์มิใช่เพียงการรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ แต่ต้องรวมการประยุกต์ใช้ความรู้เชิงปฏิบัติอย่างชำนาญเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (artful application of military knowledge). ndupress.ndu.edu+1

ผู้เขียนพยัชญชนะ (ตามต้นฉบับข้อความที่ศึกษามา) ชี้ชัดว่า ยุทธศาสตร์เป็น ศิลปศาสตร์ ไม่ใช่ วิทยาศาสตร์ ลำดับเหตุผลเน้นว่าศิลปศาสตร์นั้นคือการนำความรู้และกฎเกณฑ์ไปประยุกต์กับสภาพความเป็นจริง กำหนดมาตรการและวิธีการปฏิบัติอย่างเชี่ยวชาญเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ข้อสังเกตนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการถอดบทเรียนไปยังยุทธศาสตร์การเมือง ที่ซึ่ง “สงคราม” ในความหมายแบบกว้าง (รวมการทำลายอำนาจ การทำลายความชอบธรรม หรือการใช้กลไกทางรัฐเพื่อทำให้คู่แข่งอ่อนแอ) อาจเกิดขึ้นได้และมีผลกระทบรุนแรงต่อสังคม


กรอบทฤษฎี: ศิลปศาสตร์ vs วิทยาศาสตร์ในการศึกษายุทธศาสตร์

  1. ความต่างเชิงนิยาม — วิทยาศาสตร์ (science) มุ่งค้นหากฎเกณฑ์ของปรากฏการณ์และอธิบายความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ในขณะที่ศิลปศาสตร์ (art) คือการประยุกต์ใช้ความรู้นั้นในบริบทที่เปลี่ยนแปลง เพื่อออกแบบการปฏิบัติที่มีฝีมือและความสร้างสรรค์ (creative application) ศิลปศาสตร์การทหาร (military art) จึงเน้นการคิดเชิงสร้างสรรค์ของผู้ตัดสินใจในการใช้กำลังและทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎเชิงวิทยาศาสตร์เท่านั้น (ดูความแตกต่างระหว่าง military art และ military science). Wikipedia+1

  2. ความรับผิดชอบสูงสุดของผู้กำหนดยุทธศาสตร์ — การทำสงคราม (หรือการใช้กำลังทางการเมืองที่มีผลทำลาย) เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์และโครงสร้างอำนาจของรัฐ ดังนั้นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ต้องรับผิดชอบสูงสุด ต้องมีความรู้เชิงประยุกต์ขั้นสูง ไม่ใช่ความรู้ชั้นธรรมดาเท่านั้น ซึ่งอธิบายเหตุผลที่ยุทธศาสตร์จำเป็นต้องเป็นศิลปศาสตร์

  3. ความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด (Whole war / Whole situation) — ยุทธศาสตร์ที่มีคุณภาพต้องอาศัยการรับรู้ทั้งมิติการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และระหว่างประเทศ (know the whole situation) ไม่สามารถอาศัยข้อมูลบางส่วน (partial situation) และการวิเคราะห์เฉพาะกิจ (campaign/tactics) เพียงอย่างเดียวได้ (ความคิดนี้สอดคล้องกับข้อสรุปของนักทฤษฎีสงครามคลาสสิกว่า ‘รู้เขารู้เรา’ เป็นหัวใจของยุทธศาสตร์). oll.libertyfund.org


ยุทธศาสตร์การเมืองไทย: การถอดรหัสเชิงวิเคราะห์

1) การเมืองไทยในบริบทที่ยุทธศาสตร์ต้องเป็น “ศิลปศาสตร์”

การเมืองไทยมีลักษณะเฉพาะคือความเปลี่ยนแปลงทางอำนาจ (power shifts) ที่มักเกี่ยวข้องกับกองทัพ สถาบันยุติธรรม สถาบันต่าง ๆ และระบบพรรคการเมือง ซึ่งบางครั้งนำไปสู่การใช้มาตรการที่มีผลทำลายต่อคู่แข่งทางการเมือง (เช่น การยุบพรรค การสลายการชุมนุม หรือการแทรกแซงผ่านกลไกทางกฎหมายและกำลัง) ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผู้กำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองไม่สามารถพึ่งพา “แนววิทยาศาสตร์” ล้วน ๆ (เช่น สูตรหาเสียงเชิงเทคนิค หรือตัวแบบเศรษฐมิติ) แต่ต้องมีความสามารถในการอ่านสภาพการณ์เชิงสัญลักษณ์ ประเมินแรงเสียดทานทางสถาบัน และออกแบบการตอบสนองที่ทั้งชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ — นี่คือคุณลักษณะของ ศิลปศาสตร์การเมือง ที่ผู้เขียนพยัชญชนะกล่าวถึง

2) รู้เขารู้เรา: ความจำเป็นของการเห็นภาพรวม (Whole-of-society view)

การตั้งยุทธศาสตร์การเมืองในประเทศไทยต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายมิติ เช่น โครงสร้างอำนาจของกองทัพ บทบาทของวัฒนธรรมการเมือง การจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เครือข่ายอุปถัมภ์ (patronage) และแรงกดดันระหว่างประเทศ (geopolitics) ตัวอย่างเชิงประจักษ์จากเหตุการณ์การเมืองไทยในทศวรรษหลัง ๆ แสดงให้เห็นว่าการขาดการเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์ (whole situation) อาจนำไปสู่ความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ เช่น การประเมินอำนาจหรือบทบาทของสถาบันใดสถาบันหนึ่งต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมืองและผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดได้ (ตัวอย่างการจัดตั้งรัฐบาลผสมและการบริหารผสมจุดเปราะบางต่าง ๆ) — งานวิเคราะห์ล่าสุดยังชี้ว่าการจัดการคัดเลือกกำลังทางทหารและการแต่งตั้งเชิงอำนาจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเมืองไทย. ISEAS-Yusof Ishak Institute+1

3) ยุทธศาสตร์การเมืองเป็นกิจกรรมเชิงศีลธรรมและความรับผิดชอบ

เมื่อการเมืองมีความเสี่ยงสูงต่อการทำลายอำนาจและชีวิตสังคม ผู้นำการเมืองและนักยุทธศาสตร์ต้องตระหนักถึงกรอบจริยธรรม (ethics) และผลกระทบระยะยาว การเลือกใช้ "มาตรการเด็ดขาด" เพื่อชนะในระยะสั้นอาจทำลายความชอบธรรมและทุนทางสังคม (social capital) ซึ่งในที่สุดจะย้อนคืนมาสู่ฝ่ายที่ใช้กำลังหรือกลยุทธ์ดังกล่าว ดังนั้นยุทธศาสตร์การเมืองที่ดีจึงต้องผสานทั้งความชำนาญเชิงเทคนิคกับการไตร่ตรองเชิงจริยธรรม

4) นักยุทธศาสตร์การเมือง: คุณสมบัติและการผลิต

ตามกรอบที่กล่าวมา ผู้ที่จะเป็น “นักยุทธศาสตร์” ไม่ได้เกิดจากการเรียนรู้อย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการประสบการณ์ การฝึกคิดเชิงระบบ และความสามารถในการประยุกต์ความรู้จากหลายศาสตร์ (interdisciplinarity) ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือไม่จำเป็นว่าผู้มีความรู้ด้านการเมืองหรือสำเร็จการศึกษาในสาขารัฐศาสตร์เท่านั้นจะเป็นนักยุทธศาสตร์ได้ ผู้ที่มีประสบการณ์ภาคปฏิบัติ ความสามารถในการอ่านสถานการณ์อย่างรอบด้าน และความเฉียบแหลมเชิงศิลป์ในการตัดสินใจอาจกลายเป็นนักยุทธศาสตร์ที่แท้จริงได้


ข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวทางปฏิบัติ (Policy Implications)

จากการวิเคราะห์ข้างต้น บทความขอเสนอแนวทางเชิงปฏิบัติสำหรับการพัฒนา “ยุทธศาสตร์การเมือง” ในบริบทไทย ดังนี้

  1. พัฒนาการศึกษายุทธศาสตร์เชิงข้ามศาสตร์ — ส่งเสริมหลักสูตรระหว่างรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา และการศึกษาด้านความมั่นคง เพื่อสร้างนักยุทธศาสตร์ที่รู้จักผสมผสานความรู้หลายด้าน (interdisciplinary strategists).

  2. สร้างกลไกวิเคราะห์สถานการณ์แบบ ‘whole-of-society’ — หน่วยงานฝ่ายนโยบายควรสร้างทีมวิเคราะห์ที่รวมผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ในมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และระหว่างประเทศอย่างเป็นองค์รวม (whole situation assessment).

  3. ฝึกทักษะการตัดสินใจเชิงศิลป์และจริยธรรม — บูรณาการการฝึกทักษะการตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน (decision-making under uncertainty) ร่วมกับการสะท้อนด้านจริยธรรม (ethical reflection) เพื่อป้องกันการใช้มาตรการที่สร้างความเสียหายระยะยาว.

  4. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสังคมและความโปร่งใส — ยุทธศาสตร์การเมืองที่ยั่งยืนต้องมีความชอบธรรมจากสังคม การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการเปิดข้อมูลจะช่วยลดความไม่เข้าใจและความขัดแย้ง.

  5. เสริมความสัมพันธ์นักวิชาการ–ผู้ปฏิบัติ — ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างนักวิชาการและผู้กำหนดนโยบาย เพื่อให้การวิเคราะห์เชิงทฤษฎีถูกทดสอบในภาคปฏิบัติ และเพื่อเสริมสร้างความรู้ที่ใช้ได้จริง


บทสรุป

บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์โดยแก่นแท้เป็นศิลปศาสตร์ — คือการประยุกต์ใช้ความรู้เชิงทฤษฎีอย่างชำนาญในบริบทความเป็นจริง — มากกว่าจะเป็นเพียงชุดของกฎทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ได้โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประยุกต์สู่ “ยุทธศาสตร์การเมืองไทย” ซึ่งสภาพแวดล้อมทางการเมืองมีความซับซ้อนและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคมและรัฐ การยึดมั่นในกรอบคิดที่เน้นการเห็นภาพรวม รู้เขารู้เรา และการตัดสินใจที่รับผิดชอบ จะช่วยให้ผู้นำและนักยุทธศาสตร์การเมืองไทยสามารถออกแบบและดำเนินนโยบายที่มีประสิทธิผลและยั่งยืนได้ บทบาทของการศึกษาเชิงข้ามศาสตร์ การฝึกฝนทักษะเชิงศิลป์ และการยึดหลักจริยธรรมจึงเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับยุทธศาสตร์การเมืองไทยสู่มาตรฐานที่สังคมยอมรับได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...